ศูนย์ข้อมูล ธอส.คาด Q4/68 ยอดโอนอสังหาฟื้นโตแรง 13% เก็งปี 69 ติดลบน้อยลง

ข่าวอสังหา Monday November 24, 2025 17:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) กล่าวว่า แนวโน้มของยอดการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศในไตรมาส 4/68 คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้น โดยจะมียอดการโอน 95,484 หน่วย เพิ่มขึ้น 13.1% จากไตรมาส 3/68 ที่มีจำนวน 84,397 หน่วย และมีมูลค่า 2.55 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากไตรมาส 3/68 ที่มีจำนวน 226,166 ล้านบาท

ปัจจัยหนุนต่อการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยจากการจัดทำมาตรการ "Quick Big Win" ของภาครัฐ เช่น มาตรการกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศ ผ่านโครงการคนละครึ่ง พลัส มาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวภายในประเทศ ผ่านมาตรการภาษีสำหรับบุคคลธรรมดาเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว การเร่งรัดเบิกจ่ายภาครัฐและโครงการพลังงานสะอาด มาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนผ่านการจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) และการปรับโครงสร้างหนี้เสียภาคครัวเรือน รวมถึงมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ และเศรษฐกิจโดยรวม ทำให้ประชาชนมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศทั้งปี 68 ยังคงติดลบ แต่เป็นการติดลบที่ลดลงกว่าที่เคยคาดการณ์ โดยจะมีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศจำนวน 322,500 หน่วย ลดลง 7.3% เมื่อเทียบกับปี 67 และมีมูลค่าการโอนประมาณ 8.73 แสนล้านบาท ลดลง 10.9% แต่คาดว่าปี 69 สถานการณ์จะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยจะมีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศจำนวน 320,200 หน่วย ลดลงเพียง 0.7% เมื่อเทียบกับปี 68 และมีมูลค่าการโอนราว 8.66 แสนล้านบาท ลดลง 0.8% เมื่อเทียบกับปี 68

ส่วนสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลปล่อยใหม่ ทั่วประเทศ ไตรมาส 4/68 คาดว่าจะมีมูลค่าราว 1.6 แสยล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.5% จากไตรมาส 3/68 ที่มีมูลค่า 1.46 แสนล้านบาท โดยที่ขณะที่สินเชื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ทั่วประเทศในปี 68 จะมีมูลค่าประมาณ 5.51 แสนล้านบาท ลดลง 5.8% เมื่อเทียบกับปี 67 ที่มีมูลค่า 5.84 แสนล้านบาท และคาดว่าสินเชื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ทั่วประเทศในปี 69 จะมีมูลค่ากว่า 5.47 แสนล้านบาท ลดลง 0.6% จากปี 68 ที่มีมูลค่า 5.51 แสนล้านบาท

"ดีมานด์สะสมในช่วง 9 เดือนแรกของปี 68 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนยังหดตัว จากที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวชัดเจน ซึ่งยังคงต้องรอติดตามดูสถาการณ์ต่อเนื่อง ว่าภาพรวมของที่อยู่อาศัยจะเป็นอย่างไร แม้ว่าผู้ประกอบการจะมีการชะลอเปิดโครงการใหม่ไปกันมากแล้ว แต่ดีมานด์ก็ยังไม่กลับมาดี" นายกมลภพ กล่าว

สำหรับในปี 69 ยังคงต้องรอติดตามดูภาวะเศรษฐกิจไทย ซึ่งมีผลต่อตาดที่อยู่อาศัยในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในส้วนของปัจจ่ยทางการเมืองที่จะมีการยุบสภา และเลือกตั้งในปีต้นปี 69 จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและภาคธุรกิจอย่างไรบ้าง และหลังจากเลือกตั้งแล้วต้องติดตามในเรื่องของนโยบายด้านเศรษฐกิจที่จะออกมากระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวขึ้น รวมทั้งการต่ออายุของมาตรการสนับสนุนการซื้งที่อยู่อาศัยทั้งในส่วนขอจมาตนการการลดค่าธรรมเนียมการโอน และการจดจำนอง รวมทั้งการผ่อนคลายมาตการ LTV ที่จะสิ้นสุดในช่วงกลาปี 69 จะมีการต่อมาตรการหรือไม่ ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย

อย่างไรก็ตาม REIC มองว่าการชะลอตัวของภาคที่อยู่อาศัยน่าจะใกล้ถึงจุดต่ำสุดแล้ว หลังจากที่ตลาดเริ่มปรับเข้ากันระหว่างดีมานด์และซัพพลาย ซึ่งในส่วนของผู้ประกอบการก็ได้ทยอยการลดจำนวนการเปิดโครงการใหม่ลงไปมากแล้ว เพื่อให้สอดคล้องกับดีมานด์ในตลาด ประกอบกับความกังวลในเรื่องของฐานะการเงินของผู้ประกอบการดีขึ้น จะเห็นได้จากปัจจุบันไม่มีข่าวเกี่ยวกับความเสี่ยงไนการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ ประกอบกับกลยุทธ์ของผู้ประกอบการแต่ละรายในการเตรียมตัวให้กับลูกค้าก็ทำได้ดีมากขึ้น เพื่งสร้างความมั่นใจให้กับสถาบันการเงินในการที่จะเชื่อมั่นต่อศักยภาพของลูกค้าได้มากขึ้น ทำให้เป็นปัจจัยที่ส่งเสริมต่อเนื่อง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ