บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ เปิดเผยสถานการณ์ของบริษัทจดทะเบียนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการ์ณน้ำท่วมหาดใหญ่ ได้แก่
บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ [BDMS] - รพ.กรุงเทพ หาดใหญ่ (มีสัดส่วน 2% ของรายได้) น้ำท่วมชั้น G ไฟฟ้าไม่สามาถใช้ได้ อยู่ในระหว่างการขนย้ายผู้ป่วยไปยังที่ปลอดภัย
บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา [CENTEL] โรงแรม Centara Hat Yai (มีสัดส่วนน้อยว่า 1% ของรายได้) ปิดให้บริการ คาดกลับมาเปิดบริการได้ในวันเสาร์ที่ 29 พ.ย.
บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป [ERW] มี HOP INN 3 โรงแรม (มีสัดส่วนน้อยกว่า 1% ของรายได้) อยู่ในระหว่างการรอข้อมูล
ด้าน บล.กรุงศรี คาดว่ากรณี น้ำท่วมโรงพยาบาลกรุงเทพ หาดใหญ่ จะมีผลกระทบจำกัดต่อ BDMS เนื่องจากโรงพยาบาลกรุงเทพ หาดใหญ่ มีสัดส่วนรายได้น้อยราว 2% ของรายได้รักษาพยาบาลรวม และมีการทำประกันครอบคลุมความเสี่ยงทุกประเภทไว้
ดังนั้น คงมุมมองต่อแนวโน้มไตรมาส 4/68 เบื้องต้นคาดกำไรสุทธิ 4,270 ล้านบาท (-1%YoY -1%QoQ) ลดลงเล็กน้อย เนื่องจาก 1) คาดค่าใช้จ่าย SG&A เพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายการตลาดและค่าใช้จ่ายพนักงานสูงกว่าไตรมาสอื่น 2) คาดสิทธิประโยชน์ภาษีน้อยกว่า ไตรมาส 3/68 ส่วนรายได้ (+5%YoY$ +1%QoQ) คาดเติบโตดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มชาวไทยจากอานิสงส์โรคไข้หวัดใหญ่ระบาดเร่งตัวขึ้นในเดือน ต.ค.-พ.ย.68 โดยปี 68 คาดกำไรสุทธิ 16,275 ล้านบาท (+2%YoY) และปี 69 คาดกำไรสุทธิ 17,372 ล้านบาท (+7%YoY) เติบโตดีขึ้นตามการฟื้นตัวของรายได้ (+6%YoY)
แนะนำ Buy สำหรับ BDMS (TP2569 29 บาท) ประเมินด้วยวิธี DCF WACC 6.7% โดยเลือกเป็นหุ้นเด่น เนื่องจาก 1) มีความได้เปรียบการแข่งขันจากส่วนแบ่งจำนวนเตียงมากสุดครอบคลุมทั่วประเทศ 2) มี Ecosystem ของบริการทางการแพทย์ครบวงจร ทำให้มีศักยภาพเติบโตระยะยาว และ 3) คาดปี 2569 กำไรสุทธิ (+7%YoY) เติบโตดีขึ้นตามการฟื้นตัวของรายได้
ขณะที่ บล.เมย์แบงก์ เปิดเผยในบทวิเคราะห์ว่า น้ำท่วมภาคใต้ตอนล่าง โดยเฉพาะหาดใหญ่ที่ปัจจุบันยังอยู่ในภาวะวิกฤต แต่อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายประเมินว่าจะดีขึ้นภายในสัปดาห์นี้ โดยอิงการประเมินของหอการค้าประเมินผลกระทบในเชิงเศรษฐกิจหากสถานการณ์คลี่คลายได้ใน 1 เดือนที่ 1-1.5 หมื่นล้านบาท
ด้านกรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประเมินผู้ได้รับผลกระทบอยู่ที่ 7.2 แสนครัวเรือน หากอยู่บนสมมติฐานทุกครัวเรือนจะได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาลครัวเรือนละ 9,000 บาท คิดเป็นวงเงินเยียวยารวมที่ 6.48 พันล้านบาท คาดว่าเม็ดเงินส่วนนี้จะถูกเกลี่ยไปใช้ในการซ่อมแซมบ้านหลังสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย จึงมองเป็นบวกต่อยอดขายของหุ้นกลุ่มซ่อมแซมตกแต่งบ้านต่อไป ซึ่งเรา แนะนำซื้อ HMPRO และ GLOBAL ที่แนวโน้มกำไรผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 3/68 ไปแล้ว และราคาปัจจุบันซื้อขาย PER ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ราว -2 S.D.