บมจ. เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี [AJA] ได้เดินหน้าประกาศจัดตั้ง "พันธมิตรอุตสาหกรรมพลังงานใหม่" และ"สถาบันวิจัยอุตสาหกรรมพลังงานใหม่ประเทศไทย" พร้อมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ร่วมกับพันธมิตรด้านเทคโนโลยีชั้นนำจากจีนหลายราย ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านแบตเตอรี่ลิเธียม ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า และยานยนต์พลังงานใหม่ เพื่อร่วมลงทุนพัฒนาและผลิตยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานใหม่ของไทยพร้อมสร้างเครือข่ายสถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่อัจฉริยะ สร้างกลไกความร่วมมือที่มั่นคงระยะยาวระหว่างอุตสาหกรรมไทย-จีน นำเข้าเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อสร้างระบบนวัตกรรมเทคโนโลยีของประเทศ โดยโครงการนี้มีมูลค่าการลงทุนรวมสูงถึง 14,300 ล้านบาท
การบันทึกดังกล่าวเป็นกรอบความร่วมมือเบื้องต้นสำหรับระยะเวลา 3-5 ปี โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อร่วมกันศึกษาและประเมินความเป็นไปได้ ในประเด็นสำคัญต่อไปนี้
1. ศึกษาความร่วมมือในการพัฒนาและผลิตยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานใหม่ในประเทศไทย
2. ศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งเครือข่ายสถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่อัจฉริยะ (Battery Swapping)
3. ศึกษาการพัฒนาระบบพลังงานหมุนเวียนและระบบไฟฟ้าอัจฉริยะที่เกี่ยวข้อง
4. ศึกษารูปแบบโครงสร้างการลงทุนและความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างคู่สัญญา
โครงการเบื้องต้นที่อยู่ระหว่างการศึกษา สัดส่วนการลงทุน โครงสร้างเงินทุนร่วมกับพันธมิตรหลายรายยังไม่แน่นอน โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาตามความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม ข้อตกลง MOU ดังกล่าวเป็นเพียงกรอบความร่วมมือเบื้องต้น (Non-binding) ยังไม่มีภาระผูกพันทางการเงิน หรือสัญญาทางธุรกิจที่มีผลผูกพันต่อบริษัท
บริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการศึกษา วิเคราะห์รายละเอียดด้านเทคนิค เศรษฐกิจ และกฎหมาย รวมถึงโครงสร้างการลงทุนร่วมกับพันธมิตร ทั้งนี้ การดำเนินโครงการใด ๆ ในอนาคตจะต้องผ่านกระบวนการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัท และเป็นไปตามกฎหมายและหลักเกณฑ์ของหน่วยงาน กำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง
ความร่วมมือครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญของ AJA ในการเสริมศักยภาพการผลิตและเทคโนโลยีด้านระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า โดยได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรจีนผู้เชี่ยวชาญด้านแบตเตอรี่ลิเรียม และการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ร่วมกันผลักดันและขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนของไทย อำนวยประโยชน์ทั้งต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมไทย
- ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ปรับปรุงคุณภาพอากาศในเมือง
- ยกระดับภาพลักษณ์เมือง สร้างเมืองอัจฉริยะและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการเปลี่ยนให้เป็นพลังงานสีเขียวในไทย
- สร้างตำแหน่งงานให้คนไทยได้มากกว่า 12,000 ตำแหน่ง
- ช่วยลดต้นทุนการเดินทางของประชาชน เนื่องจากยานยนต์ไฟฟ้ามีต้นทุนการใช้งานน้อยกว่ารถใช้น้ำมัน
นายพิชัย ปัญจสังข์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AJA กล่าวถึงแนวคิดหลักในการดำเนินโครงการฯ ว่า ความร่วมมือกับพันธมิตรจีนในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของ AJ EV ในการขยายศักยภาพสู่ระดับภูมิภาค เราไม่เพียงผลิตยานยนต์ไฟฟ้า แต่เรากำลังสร้างระบบนิเวศพลังงานสะอาดของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน"
AJ EV มุ่งหน้าพัฒนาระบบเปลี่ยนแบตเตอรี ให้สามารถใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคชาวไทย โดยจะร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการติดตั้งสถานีเปลี่ยนแบตเตอรีในพื้นที่สำคัญทั่วประเทศ แก้ปัญหาความยุ่งยากในการชาร์จไฟ เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน และขยายโอกาสทางเศรษฐกิจให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อย เช่น บริการเดลิเวอรี หรือผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารับจ้าง ซึ่งถือเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักในการเปลี่ยนผ่าน สู่พลังงานสะอาด
ความร่วมมือนี้ไม่เพียงสร้างผลดีเฉพาะภาคอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่ยังสร้างโอกาสเชิงกลยุทธ์ให้ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าและมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าในประเทศโดยตรง ช่วยให้สามารถนำเสนอราคาที่เข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้นเพราะต้นทุนด้านนำเข้าและโลจิสติกส์ลดลงอย่างเห็นได้ชัด สินค้ามาถึงมือเร็วขึ้น บริหารสต็อกได้มีประสิทธิภาพกว่าเดิม ผู้จัดจำหน่ายสามารถนำเสนอรุ่นที่ทันสมัยและคุ้มค่ากว่าในตลาด ช่วยเพิ่มยอดขายและขยายฐานลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
AJ EV ได้บูรณาการพลังงานหมุนเวียนอย่างพลังงานแสงอาทิตย์เข้ากับระบบไฟฟ้าอัจฉริยะเพื่อใช้ในการผลิตและชาร์จมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ไม่เพียงช่วยลดการปล่อยคาร์บอน แต่ยังช่วยให้ประเทศสามารถกระจายการผลิตพลังงานได้ทั่วถึง เพิ่มความมั่นคงทางพลังงาน และลดความเสี่ยงจากวิกฤตราคาน้ำมันโลก ทั้งยังสอดคล้องกับเป้าหมายสำคัญของรัฐบาลไทยในการเป็นประเทศคาร์บอนเป็นกลาง (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050 และมุ่งสู่ Net Zero Emission ภายในปี 2065
โครงการจัดตั้งพันธมิตรอุตสาหกรรมพลังงานใหม่ของ AJEV นับเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานใหม่ของประเทศไทย เป็นประโยชน์อย่างยิ่งทั้งต่อการขับเคลื่อนประเทศ ต่อการพัฒนาภาคเศรษฐกิจและ อุตสาหกรรมไทย และต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตสังคมไทย