NTF เคาะราคาขาย IPO ที่ 6 บาท P/E 5.7 เท่า เปิดจอง 4-9 ธ.ค. เข้าเทรด mai 16 ธ.ค.นี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday December 2, 2025 14:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

NTF เคาะราคาขาย IPO ที่ 6 บาท P/E 5.7 เท่า เปิดจอง 4-9 ธ.ค. เข้าเทรด mai 16 ธ.ค.นี้

บมจ.เอ็นทีเอฟ อินเตอร์กรุ๊ป (ประเทศไทย) [NTF] กำหนดราคาขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรกจำนวน 60 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ที่ราคาหุ้นละ 6.00 บาท มูลค่าการเสนอขาย 360 ล้านบาท ระยะเวลาเสนอขาย วันที่ 4-9 ธ.ค.68 โดยมี บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ทั้งนี้ หุ้น NTF จะเข้าซื้อขายในตลาด mai กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร ในวันที่ 16 ธ.ค.68

ทั้งนี้ ราคาหุ้นที่เสนอขายหุ้นละ 6.00 บาท คิดเป็น P/E ที่ประมาณ 4.0 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง (ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.67-30 ก.ย.68) ซึ่งเท่ากับ 209.4 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดของ NTF ก่อนการเสนอขาย ซึ่งเท่ากับ 140.0 ล้านหุ้น จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เท่ากับ 1.50 บาท

ภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ ราคาหุ้นสามัญที่เสนอขายหุ้นละ 6.00 บาท คิดเป็น P/E ที่ประมาณ 5.7 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง (ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.67-30 ก.ย.68) ซึ่งเท่ากับ 209.4 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดของ NTF หลังการเสนอขายในครั้งนี้ (Fully Diluted) ซึ่งเท่ากับ 200 ล้านหุ้น จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เท่ากับ 1.05 บาท

NTF ได้ลงนามในสัญญาแต่งตั้ง บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เพื่อเสนอขายหุ้น IPO โดยมี บล.ฟินันเซีย ไซรัส และ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

บริษัทเป็นผู้จำหน่ายผลไม้สดคัดเกรดพรีเมี่ยมทั้งสำหรับส่งออกไปยังต่างประเทศและจำหน่ายภายในประเทศตามความต้องการลูกค้า ผลไม้สดที่ NTF ส่งออกเป็นหลัก ได้แก่ ทุเรียน ลำไย มะพร้าว และผลไม้อื่นๆ ภายใต้แบรนด์ลขิสิทธิ์ในประเทศไทยและประเทศจีนของบริษัท และภายใต้แบรนด์ของลูกค้าพันธมิตร โดยจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ประมาณ 341.6 ล้านบาท ไปใช้ลงทุนเครื่องมือและอุปกรณ์การผลิต 120 ล้านบาท เป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการ 171.6 ล้านบาท และชำระคืนเงินกู้ยืมจากธนาคารบางส่วน 50 ล้านบาท

ทั้งนี้ NTF บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิ

นางรัชดา เกลียวปฏินนท์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ 2 บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่ายของ NTF เปิดเผยว่า P/E คำนวณจากผลประกอบการและปัจจัยพื้นฐานธุรกิจของ NTF ในการดำเนินธุรกิจส่งออกผลไม้เกรดพรีเมียม ได้แก่ ทุเรียน มะพร้าว ลำไย และผลไม้อื่นๆ รวมถึงทุเรียนแกะเนื้อและทุเรียนแช่แข็งไปจำหน่ายในตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพ ส่งผลทำให้ยอดขายมีอัตราการเติบโตสูงต่อเนื่อง

ผลการดำเนินงานล่าสุดที่ NTF มีรายได้จากการขาย 9 เดือนแรกของปี 68 อยู่ที่ 2,107 ล้านบาท กำไรสุทธิ 203 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 9.6% ล้านบาท สูงกว่ารายได้รวมและกำไรสุทธิทั้งปีตั้งแต่ปี 65-67 ที่มีรายได้จากการขายเท่ากับ 347 ล้านบาท 563 ล้านบาท และ 1,115 ล้านบาท ตามลำดับ กำไรสุทธิเท่ากับ 8 ล้านบาท 23 ล้านบาท และ 64 ล้านบาท ตามลำดับ

ขณะที่ในปี 68 ทั้งปี NTF มีเป้าหมายยอดขายรวม2,900 ล้านบาท จากคำสั่งซื้อล่วงหน้าตามความต้องการผลไม้ไทยที่เพิ่มขึ้นในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน ตลาดค้าขายผลไม้ขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของโลก

NTF มีกลยุทธ์ขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน ตั้งแต่การคัดเลือกแหล่งวัตถุดิบคุณภาพ การยกระดับระบบคัดเกรดบรรจุด้วยเทคโนโลยี รวมถึงการขยายตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพสูง โดยมุ่งเน้นเจาะตลาดพรีเมียมมูลค่าสูงและความต้องการสม่ำเสมอ ทั้งยังบริหารความเสี่ยง

ด้านอัตราแลกเปลี่ยนด้วยสัญญา FX Forward ครอบคลุม 100% ซึ่งจะช่วยเสริมเสถียรภาพผลประกอบการในระยะยาว รวมทั้ง NTF ไม่มีการถือครองสินค้าคงคลัง ลดความเสี่ยงราคาผลไม้ผันผวน พร้อมนำระบบ Automation มาใช้ในกระบวนการคัดและบรรจุ ช่วยลดต้นทุน เพิ่มความแม่นยำ รองรับคำสั่งซื้อที่เติบโต ด้วย Business Model ที่บริหารแบบครบวงจร ทำให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ส่งมอบสินค้าได้ตรงเวลา พร้อมรักษามาตรฐานสินค้าพรีเมี่ยมได้ PREMIUM ตามที่ตลาดต้องการอย่างเข้มงวด

โดยการลงทุนในเทคโนโลยีอัตโนมัติของ NTF ได้แก่การลงทุนในเครื่องจักรคัดแยกเกรดและคุณภาพ, เครื่องจักรกระบวนการเป่าแห้งทุเรียน และกระบวนการคัดแยกน้ำหนักและบรรจุสินค้า จะเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิต ช่วยร่นลดระยะเวลาทำงานได้มากกว่า 50% อันจะส่งผลให้สามารถคัดบรรจุสินค้าได้เพิ่มขึ้น จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดความสูญเสียสามารถ ยกระดับและควบคุมคุณภาพให้สม่ำเสมอ และรองรับความต้องการส่งออกที่เติบโตต่อเนื่อง ทั้งจากตลาดประเทศจีนและตลาดพรีเมียมทั่วโลก ตอกย้ำเป้าหมายการเติบโตอย่างมั่นคง

นายวิชัย ศิระมานะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NTF กล่าวว่า NTF มุ่งเน้นการส่งออกผลไม้คุณภาพ โดยมีรายได้หลักมาจากการจำหน่ายสินค้าในตลาดเกรดพรีเมียมเป็นหลัก เนื่องจากมีกำลังซื้อสูงและค่อนข้างเสถียรในทุกสภาพเศรษฐกิจ รวมถึงตลาดกลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับคุณภาพ รูปทรงสวย รสชาติ มากกว่าเรื่องราคา ส่งผลต่อมาร์จิ้นการขาย (กำไรขั้นต้น) ที่ดีกว่า โดยเฉพาะในประเทศจีนตลาดจำหน่ายผลไม้ขนาดใหญ่ที่มีความต้องการบริโภคผลไม้ไทยในระดับสูงและต่อเนื่อง ซึ่งสินค้าของ NTF เป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมของผู้บริโภคในตลาดจีนที่ได้รับการยอมรับ โดยเฉพาะทุเรียนที่ครองตำแหน่งสินค้าส่งออกอันดับหนึ่ง และการส่งออกของ NTF กว่า 97% เป็นทุเรียนสด รองลงมา คือ มะพร้าว ลำไย และผลไม้อื่นๆ รวมถึงทุเรียนแกะเนื้อ และทุเรียนแช่แข็ง

ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 68 NTF มีสัดส่วนการส่งออกทุเรียนสดไปประเทศจีนประมาณ 11,320 ตัน คิดเป็นประมาณ 1.3% ของปริมาณการนำเข้าทุเรียนสดของจีนจากประเทศไทยที่มีปริมาณประมาณ 900,000 ตัน ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการในตลาด แสดงให้เห็นถึงช่องทางในการขยายการส่งออกทุเรียนของไทยที่ยังมีอีกจำนวนมาก

ขณะที่สินค้าของ NTF ทำการตลาดภายใต้แบรนด์ของตัวเอง ได้แก่ เหม่ย ลี่ (Mei Li), ไท่ จี้ (Tai Ji), จิน เยี่ยน (Jin Yan), ไท่ ถิง ห่าว (Tai Ting Hao), โมมันไท่ (Mo Man Tai) และ มินิ (Mini) รวมทั้งมีแบรนด์ที่พัฒนาร่วมกับลูกค้า ได้แก่ ไท่ จี๋ (Tai Ji), จิน เยี่ยน (Jin Yan) และแบรนด์ลูกค้าที่เป็นแบรนด์ระดับโลก โดย NTF ส่งจำหน่ายสินค้าไปให้กลุ่มลูกค้าหลัก คือ ผู้ค้าส่งผลไม้ในตลาดเจียซิง (Jiaxing Market) ตลาดเจียงหนาน (Jiangnan Fruit Market) และตลาดเจิ้งโจว (Zhengzhou) ตลาดขายส่งผลไม้สดที่มีปริมาณการซื้อขายเป็นอันดับต้นของประเทศจีน สามารถกระจายสินค้าของ NTF ได้ทั่วประเทศ และเริ่มขยายตลาดไปฮ่องกง และสหรัฐอเมริกา เพื่อขยายฐานลูกค้า ลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงลูกค้าจีน และมีแผนที่ขยายไปยังกลุ่มลูกค้าจีนทางตอนบนของประเทศเพิ่มขึ้น รองรับความต้องการของลูกค้าในเขตกรุงปักกิ่ง ที่เป็นศูนย์กลางตลาดค้าผลไม้ของภาคเหนือด้วย

ทุกกระบวนการผลิตอยู่ภายใต้มาตรฐานการทำงาน "NTF Standard" หรือ "2Q2T" (Quality Quantity Time Temperature) ที่สามารถนำใช้ได้ในทุกโรงคัดบรรจุ ที่จัดสรรสินค้าได้ตรงตามความต้องการของลูกค้า ทั้งในเรื่องปริมาณสินค้าและคุณภาพมาตรฐานเดียวกันทุกโรงคัดบรรจุ โดย NTF มีพันธมิตรกว่า 10 โรงคัดบรรจุ พร้อมระบบ QC เข้มงวด ช่วยให้ NTF สามารถรักษามาตรฐานสินค้าในระดับพรีเมียมตามความต้องการของตลาดได้อย่างสม่ำเสมอ

"ที่ผ่านมา NTF มีข้อจำกัดด้านเงินทุน ทำให้ยังไม่สามารถเพิ่มกำลังผลิตได้ทันตามความต้องการของตลาด หากพิจารณาดู Cash Cycle ของ NTF ที่ประมาณ 41 วัน แสดงว่าสามารถเปลี่ยนเงินทุนหมุนเวียนเป็นยอดขายได้ 9 รอบต่อปี เงินทุนหมุนเวียนจึงเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ NTF เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาได้รับความช่วยเหลือจากสถาบันการเงินในการเพิ่มวงเงินให้อย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่สามารถรองรับความต้องการของตลาดได้ทั้งหมด

การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯจึงเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยเสริมศักยภาพด้านเงินทุน รวมถึงเปิดทางให้ NTF สามารถนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ยกระดับการผลิต และวางรากฐานเพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว โดย NTF วางแผนนำเทคโนโลยีเข้ามายกระดับระบบการผลิต ตั้งแต่ขั้นตอนคัดเกรดไปจนถึงการบรรจุผลไม้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดระยะเวลาในการผลิตลงมากกว่า 50% และยกระดับความแม่นยำในการตรวจสอบคุณภาพให้ได้มาตรฐานสากล ซึ่งจะช่วยให้ NTF สามารถเพิ่มปริมาณการผลิต รองรับความต้องการส่งออกที่เพิ่มขึ้น และสร้างความสามารถในการเติบโตอย่างมั่นคงต่อเนื่องในอนาคต" นายวิชัย กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ