นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิจัยสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีแกว่งออกข้าง โดยปัจจัยต่างประเทศนักลงทุนยังคาดหวังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ขณะที่ปัจจัยในประเทศอยู่ในช่วงติดตามมาตรการฟื้นฟูสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ และมาตรการกระตุ้นอื่น ๆ จากรัฐบาล หลังวานนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติอนุมัติ มาตรการ "Quick Big Win" เพื่อ SMEs ไทย
ขณะที่วันนี้แนะติดตามการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อไทยเดือนพ.ย. ซึ่งตลาดคาดยังติดลบ 0.6% YoY ซึ่งหากออกมาตามคาดจะเพิ่มความคาดหวังโอกาสที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้เข้าเก็งกำไรหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ที่ได้ประโยชน์ดอกเบี้ยขาลง
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้แนะเลือกหุ้นที่ยัง Laggard สวนทางกับปัจจัยพื้นที่ฐานที่แนวโน้มกำไรยังฟื้นตัว เราเลือก WHA ขณะที่ระหว่างวันหากเงินเฟ้อออกมาติดลบ แนะเก็งกำไรกลุ่มไฟแนนซ์ อาทิ MTC SAWAD
โดยให้กรอบแนวรับ 1,270 จุด และแนวต้าน 1,285 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (2 ธ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 47,474.46 จุด เพิ่มขึ้น 185.13 จุด หรือ +0.39%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,829.37 จุด เพิ่มขึ้น 16.74 จุด หรือ +0.25% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 23,413.67 จุด เพิ่มขึ้น 137.75 จุด หรือ +0.59%
- ตลาดหุ้นเอเชียภาคเช้าเปิดบวกเป็นส่วนใหญ่ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 49,540.64 จุด เพิ่มขึ้น 237.19 จุด หรือ +0.48%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 25,980.89 จุด ลดลง 114.16 จุด หรือ -0.44% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,894.16 จุด ลดลง 3.55 จุด หรือ -0.09%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (2 ธ.ค.) 1,277.58 จุด เพิ่มขึ้น 1.01 จุด (+0.08%) มูลค่าซื้อขาย 32,540.19 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ (2 ธ.ค.) 747.17 ล้านบาท
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. (2 ธ.ค.) ลดลง 68 เซนต์ หรือ 1.15% ปิดที่ 58.64 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (2 ธ.ค.) อยู่ที่ 5.58 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.00 แกว่งแคบ รอปัจจัยใหม่ คาดกรอบวันนี้ 31.95-32.15
- "รัฐบาล" ลุยเยียวยาน้ำท่วม ควบคู่ดันเศรษฐกิจไตรมาส 4 "คลัง" มั่นใจยังโตได้ตามเป้า 0.6% ประเมินน้ำท่วมใต้กระทบจีดีพี 0.1% ทำงานคู่ขนานฟื้นเศรษฐกิจ ศึกษาคนละครึ่งพลัส เฟส 2 ควบคู่กับเยียวยาฟื้นฟูน้ำท่วมภาคใต้ ครม.อนุมัติ 3 มาตรการเยียวยา "ม.หอการค้าไทย" ประเมินผลกระทบน้ำท่วม 4 หมื่นล้าน เศรษฐกิจหาดใหญ่เป็นอัมพาต
- ครม.ไฟเขียวแพ็กเกจใหญ่ "Quick Big Win เพื่อ SMEs ไทย" วงเงิน 3.27 แสนล้านบาท เติมเสริมสภาพคล่อง-ลดต้นทุน สั่งแบงก์รัฐ 7 แห่งปล่อยสินเชื่อ 2.67 แสนล้าน พร้อมเร่งสรรพากรคืนภาษี 6 หมื่นล้าน ดันจีดีพีปีหน้าขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.36% ส่วนคนละครึ่งพลัส 2 รอทบทวนอีกทีว่าจะดำเนินการอย่างไร
- "เอกนิติ" ชง ครม.คุมค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รวมทุกรายการไม่เกิน 800,000 บาท/ปี หวังลดความเหลื่อมล้ำที่คนรวยได้ประโยชน์มากกว่า ประเมินคุมค่าลดหย่อน หนุนรัฐมีรายได้เพิ่ม กว่า 4 หมื่นล้าน พร้อมเล็งนำระบบ ISA เปิดบัญชีธนาคารแล้วลงทุนได้โดยตรง สามารถนำมาลดหย่อนภาษี โดยไม่ต้องผ่าน LTF แก้ปมการคลังเสี่ยงถูกลดเครดิต ด้าน "ตลาดหลักทรัพย์ฯ-ก.ล.ต." ลุ้นภาษี TISA ซื้อหุ้นรายตัวแล้วนำมาลดหย่อนได้ หนุนตลาดหุ้นไทย
- ภัยพิบัติหาดใหญ่ 300 โรงแรมกระอัก สูญรายได้กว่า 5 หมื่นล้าน นักธุรกิจแห่ถอนลงทุน นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่ สงขลา เผยผู้ประกอบการฟื้นฟูไม่ทัน พลาดโอกาสทำรายได้ช่วงไฮซีซั่น-ซีเกมส์ สูญรายได้ต่อวัน 1-1.5 พันล้านบาท สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวย้ำตัวเลขท่องเที่ยว 2 เดือน พ.ย.-ธ.ค. ร่วงชัดเจน ชง 5 มาตรการขอรัฐฟื้นฟูเร่งด่วน หวังลุ้นให้ทันรับนักท่องเที่ยวช่วงเทศกาลตรุษจีน'69
- ครม.เห็นชอบหลักการ "พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ" ตั้งกองทุนภูมิอากาศ-ภาษีคาร์บอนระบบซื้อขายสิทธิปล่อยก๊าซเรือนกระจก ขับเคลื่อนไทยสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ "สุชาติ" ชี้ จิ๊กซอว์สำคัญที่จะทำให้ไทยมีเครื่องมือรับมือโลกร้อน
- คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำและขั้นสูงที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบกองทุนประกันสังคม ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอเพื่อให้การคำนวณเงินสมทบของผู้ประกันตนมาตรา 33 สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน หลังจากกฎกระทรวงเดิมที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2538 ไม่ทันต่อสถานการณ์ค่าจ้างแรงงานที่ปรับสูงขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา โดยจากเดิมเพดานค่าจ้างที่ใช้คำนวณเงินสมทบกำหนดไว้ไม่เกิน 15,000 บาทต่อเดือน ส่งผลให้ผู้ประกันตนที่มีรายได้สูงกว่านั้น ต้องส่งเงินสมทบเท่ากันและได้รับสิทธิประโยชน์ไม่สอดคล้องกับค่าจ้างจริง ขณะเดียวกัน อัตราค่าจ้างขั้นต่ำรายวันในปัจจุบันสูงสุดอยู่ที่ 400 บาทต่อวัน แต่ยังคงใช้ฐานคำนวณจากข้อมูลเมื่อปี 2538 ซึ่งไม่สะท้อนเศรษฐกิจปัจจุบัน และไม่สอดคล้องกับมาตรฐานขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ ILO
- ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ประเมินบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศช่วงวันหยุดยาวเนื่องในวันพ่อแห่งชาติ ระหว่างวันที่ 5-7 ธ.ค.2568 จะคึกคักโดยคาดว่าจะมีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 2.52 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้หมุนเวียนประมาณ 10,320 ล้านบาท และมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยของสถานพักแรม 68% สะท้อนแรงหนุนจากวันหยุดต่อเนื่อง สภาพอากาศที่เย็นลงมาเร็วและมาตรการรัฐอย่าง "เที่ยวดี มีคืน" และ "คนละครึ่ง พลัส" ที่ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศให้ฟื้นตัวเด่นชัด
- "พิพัฒน์" หารือสายการบินแก้ปมตั๋วแพง เส้นทางหาดใหญ่-พื้นที่ภัยพิบัติ ยันค่าโดยสารไม่เกินเพดานขั้นสูงสุด เคาะเพิ่มเที่ยวบิน-เพิ่มที่นั่ง ดันราคาตั๋วปรับลดลง ด้าน กพท.จับตามอนิเตอร์ตรวจสอบราคาตั๋วพร้อมเปิดช่องทางร้องเรียน
- หอการค้า ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2568 จาก 2.0% เหลือ 1.9% หลังน้ำท่วมซัดนักท่องเที่ยวหาย พร้อมเตือนปี 69 เผชิญความเสี่ยงหลายด้านทั้งส่งออก การเมือง และหนี้ครัวเรือน
*หุ้นเด่นวันนี้
- CHG (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 2.18 บาท แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/68 แข็งแกร่ง เติบโต q-q และ y-y หนุนจากฐานรายได้ประกันสังคมที่ต่ำในไตรมาส 4/67 โรคระบาดประจำฤดูกาลหนุนรายได้ IPD เดือน ต.ค. ส่วนร.พ.จุฬารัตน์แม่สอดคาดถึงจุดคุ้มทุน มีประเด็นบวกหนุนหลังครม.เห็นชอบปรับขึ้นกรอบคำนวณเงินสมทบประกันสังคมเป็นขึ้นบันไดทุกๆ 3 ปีจาก 15,000 บาท เป็น 17,500//20,000//23,000 บาท คาดจะช่วยลดความเสี่ยงประเด็นการเบิกจ่ายงบประมาณไม่พอ เช่น ส่วนโรคค่าใช้จ่ายสูง (Adj RW>2)
- KTB (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 31.50 บาท เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ KTB จากฐานะเงินกองทุนแข็งแรง (CET1 18.9%) พร้อมแผนใช้ทุนส่วนเกินเพิ่ม ROE สองหลักผ่านปันผลต่อเนื่อง และโอกาสทำ buyback ปลดล็อกมูลค่าเพิ่ม โดยพอร์ตสินเชื่อของ KTB เสี่ยงต่ำสุดในกลุ่มธนาคารไทยกว่า 40-50% เป็นสินเชื่อ MOU และ 30% เป็นสินเชื่อที่อยู่อาศัย อีก 18% เป็นภาครัฐ ทำให้ credit cost ต่ำ คาดปี 2569 อยู่ราว 105-125bps รายได้ค่าธรรมเนียมโตแรง โดยเฉพาะ wealth และลูกค้าองค์กร รายได้ fee income เพิ่มจาก 1.0-1.8 พันล้านบาท/ไตรมาส หนุน ROE ฟื้นต่อเนื่องจากฐานทุแข็งแกร่งและสินเชื่อคุณภาพดี