สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษนายมิทซึจิ โคโนชิตะ อดีตกรรมการและผู้บริหาร บมจ.กรุ๊ปลีส [GL] ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) กรณีทุจริต แสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อตนเองหรือผู้อื่น จนเป็นเหตุให้ GL และ/หรือ บริษัทย่อย ได้รับความเสียหาย และรายงานการดำเนินการต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
ก.ล.ต. ได้รับแจ้งข้อมูลจากผู้ร้องเรียนและผู้สอบบัญชี ในระหว่างวันที่ 4 พฤศจิกายน 2563 ถึงวันที่ 26 มีนาคม 2564 และตรวจสอบเพิ่มเติมพบข้อเท็จจริง โดยประสานความร่วมมือและได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานกำกับดูแลของต่างประเทศหลายแห่งในการรวบรวมเอกสารหลักฐาน เนื่องจากเป็นธุรกรรมที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ และพิจารณาได้ว่า ในช่วงปี 2556 ถึงปี 2560 นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ซึ่งในช่วงเวลาที่เกิดเหตุเป็นประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ GL และ Group Lease Holdings Pte. Ltd. (GLH) บริษัทย่อยของ GL ที่สาธารณรัฐสิงคโปร์ ได้กระทำการทุจริต และ/หรือ แสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อตนเองหรือผู้อื่น จนเป็นเหตุให้ GL และ/หรือ บริษัทย่อย ได้รับความเสียหาย
โดยนายมิทซึจิได้นำเงินฝากธนาคารของ GLH ไปค้ำประกันเงินกู้ยืมของบริษัทส่วนตัวของนายมิทซึจิ (จดทะเบียนในหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน) ซึ่งภาระค้ำประกันดังกล่าว ยังคงมีอยู่ตั้งแต่ปี 2556 ถึงปี 2566 โดยไม่พบว่า GL และ/หรือ GLH ได้รับประโยชน์ใดจากการกู้ยืมเงินดังกล่าว หรือมีเหตุผลอันควรเชื่อว่าเป็นการกระทำเพื่อเป็นประโยชน์แก่ธุรกิจของ GL และ/หรือ GLH
การกระทำของนายมิทซึจิ เข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 281/2 วรรคสอง ประกอบมาตรา 89/7 และมาตรา 89/24 มาตรา 311 และมาตรา 313 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษนายมิทซึจิ ต่อ บก.ปอศ. เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พร้อมกันนี้ ก.ล.ต. ได้แจ้งการดำเนินการตามข้างต้นต่อ ปปง. เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป เนื่องจากเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
การถูกกล่าวโทษข้างต้นมีผลให้ผู้ถูกกล่าวโทษเข้าข่ายมีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจและไม่สามารถดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนตลอดระยะเวลาที่ถูกกล่าวโทษดำเนินคดี นับตั้งแต่วันที่ ก.ล.ต. มีหนังสือกล่าวโทษต่อ บก.ปอศ.
ทั้งนี้ ภายหลังการกล่าวโทษของ ก.ล.ต. กระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาต่อไปเป็นการสอบสวนของพนักงานสอบสวน การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ และการพิจารณาของศาลยุติธรรม ตามลำดับ โดย ก.ล.ต. จะติดตามความคืบหน้าในการดำเนินคดี และจะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ เพื่อสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ ในกระบวนการภายหลัง ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษแล้ว