(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าฟื้นตัวรับเฟดหั่นดอกเบี้ยตามคาด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้น

ไทยเช้านี้คาดดัชนีฟื้นตัวขึ้นต่อ ได้รับอานิสงส์จากการที่ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามคาด พร้อมทั้งมีแผนการเข้าซื้อสินทรัพย์เพื่อบริหารสภาพคล่องในระบบเป็นมูลค่าราว 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน ถือเป็นผลดีต่อราคาสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยอาจฟื้นตัวจำกัด เนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาที่ยังตึงเครียด ต้องติดตามท่าทีของสหรัฐฯ จะเข้ามามีบทบาทการเจรจาระหว่างทั้งสองประเทศอย่างไร อาจต้องระวังประเด็นการค้าหรือในรูปแบบอื่น ซึ่งยังต้องติดตามผลของการเจรจา

นอกจากนี้ปัจจัยในประเทศระยะถัดไปแนะติดตาม การประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญในวันนี้เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการเปิดประชุมสภาสมัยสามัญในวันพรุ่งนี้ ซึ่งต้องจับตาดูว่าฝ่ายค้านจะมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลหรือไม่ แต่มองว่าอาจยังไม่ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งจะทำให้ประเด็นการเมืองผ่อนคลายลง

รวมทั้งในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตรา

ดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาด

นอกจากนี้ แนะติดตามโครงการ TISA ต้องรอความชัดเจนจากกระทรวงการคลังเกี่ยวกับรายละเอียดและเงื่อนไขของ

โครงการ ซึ่งหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากร่างเดิม อาจไม่ได้ส่งผลต่อตลาดได้อย่างมีนัยสำคัญ

โดยให้กรอบแนวต้าน 1,280-1,285 จุด และแนวรับ 1,260-1,250 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (10 ธ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 48,057.75 จุด เพิ่มขึ้น 497.46 จุด หรือ +1.05%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,886.68 จุด เพิ่มขึ้น 46.17 จุด หรือ +0.67% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 23,654.16 จุด เพิ่มขึ้น 77.67 จุด หรือ +0.33%

- ตลาดหุ้นเอเชียภาคเช้าเปิดบวก ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 50,818.39 จุด เพิ่มขึ้น 215.59 จุด หรือ +0.43%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 25,710.61 จุด เพิ่มขึ้น 169.83 จุด หรือ +0.66% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,903.89 จุด เพิ่มขึ้น 3.39 จุด หรือ +0.08%

- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (9 ธ.ค.) 1,269.87 จุด เพิ่มขึ้น 8.48 จุด (+0.67%) มูลค่าซื้อขาย 25,889.49 ล้านบาท

- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ (9 ธ.ค.) 911.24 ล้านบาท

- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. (10 ธ.ค.)เพิ่มขึ้น 21 เซนต์ หรือ 0.36% ปิดที่ 58.46 ดอลลาร์/บาร์เรล

- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (10 ธ.ค.) อยู่ที่ 5.7 เหรียญ/บาร์เรล

- เงินบาทเปิด 31.70 เคลื่อนไหวสอดคล้องภูมิภาค หลังเฟดลดดอกเบี้ยตามคาดกรอบวันนี้ 31.65-31.80

- ตลาดรถคึกคักปลายปี ดันยอดจองมอเตอร์ เอ็กซ์โป พุ่ง หลังภาพรวมตลาดเริ่มกลับมาฟื้นตัว 3 เดือนล่าสุด คาดรับแรงกระตุ้น อีวี 3.0 หมดสิทธิพิเศษปลายปีนี้ ขณะที่โครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ เริ่มบังคับใช้ต้นปีหน้าดันต้นทุนรถหลายกลุ่มเพิ่ม ประเมินตลาดปี 69 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยหรือทรงตัว เหตุยังมีปัจจัยลบทั้งภาวะเศรษฐกิจ ราคาพืชผล ภาษีทรัมป์ หวังรัฐบาลใหม่มีเสถียรภาพ

- บริษัทไทยตัด "กัมพูชา" ออกจากสมการธุรกิจปี 69 จับตาปรากฏการณ์ล่าแม่มดสินค้าไทย อินฟลูฯ กัมพูชาปลุกกระแสชาตินิยม ระยะสั้นปรับบรรจุภัณฑ์ใหม่ ยกเลิกแผนการตลาด ระยะยาวพร้อมถอนการลงทุน ตัดรายได้กัมพูชาออกจากสมการธุรกิจ "ธุรกิจเครื่องนุ่งห่ม" ลดกำลังการผลิต เล็งฐานผลิตใหม่แทนกัมพูชา "นักวิชาการ" ชี้ ปิดด่าน 138 วัน การค้าชายแดน หายไป 8 หมื่นล้านบาท

- ส.อ.ท.ชี้สถานการณ์ปะทะชายแดน "ไทยกัมพูชา" ส่งผลกระทบหนักต่อเศรษฐกิจและการค้า ชี้การขายต่อวันลดลงเกือบ 100% ย้ำการเจรจาการค้าภาษีสหรัฐยังต้องรอดูท่าทีสหรัฐ

- บีโอไอ-กกร. บูรณาการเครื่องมือทางการเงินกับสินเชื่อของสถาบันการเงินครั้งแรก จัดสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เสริมสภาพคล่องเอสเอ็มอีรายละไม่เกิน 100 ล้านบาท

- รมว.คมนาคม เผยจะเร่งแก้ปัญหาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) และท่าอากาศยานอู่ตะเภาและเมืองการบิน ภาคตะวันออก ที่มีข้อติดขัด โดยมีแนวคิดเพิ่มแรงจูงใจการลงทุนเพื่อผลักดันทั้ง 2 โครงการให้เริ่มก่อสร้าง เช่น การมีสวนสนุกขนาดใหญ่ อย่าง ดิสนีย์แลนด์เข้ามา หรือ สร้างสนามกีฬาระดับโลกขนาด 80,000 ที่นั่ง แต่เงื่อนไขดิสนีย์แลนด์จะเข้ามาก็ต่อเมื่อไม่มีกาสิโน สั่ง สกพอ.ไปทำการบ้านและหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

- ครม.ไฟเขียว ปรับมาตรการ EV3-EV3.5 อัดความยืดหยุ่น ขยายเวลาผลิต จดทะเบียน หนุนส่งออกนับชดเชย 1.5 เท่า เปิดทางขยายฐานผลิต ดันไทยพุ่งสู่ "ฮับยานยนต์ไฟฟ้าโลก" มุ่งเป้า Zero Emission ปี 2573 แบบยั่งยืน

*หุ้นเด่นวันนี้

- KTB (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 29 บาท ระยะสั้นผลประชุมเฟดเป็นลักษณะ Hawkish Cut คาดทำให้แนวโน้ม กนง.สัปดาห์หน้าอาจยังคงดอกเบี้ยและเสียงแตกเช่นเดิม ขณะที่ด้านปันผลเรายังคาดหวังโอกาสเพิ่ม Payout Ratio และ หนุน Dividend Yield สูงขึ้นเป็น 6-7% ต่อปี คงมุมมองเชิงบวกต่อโอกาสเห็นสินเชื่อเติบโตได้แข็งแกร่งกว่ากลุ่มตามการลงทุนของภาครัฐในปี 69 ประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายอาจมี Upside หากดอกเบี้ย กนง.จบลงที่ 1.25% สูงกว่าประมาณการที่ 1%

- SAWAD (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 29 บาท แนวโน้มฟื้นตัวจาก Credit Cost ลงเหลือ 150-180bps ในปี 69 เทียบ 180-200bps ในปี 68 อีกทั้งผลขาดทุนขายรถยึดลดลงต่อเนื่อง โดยจะต่ำกว่า 100 ลบ.ต่อไตรมาสในปี 69 เทียบกับ 137 ลบ.ในไตรมาส 3/68 นอกจากนี้อุปสงค์สินเชื่อเช่าซื้ออ่อนแอถูกชดเชยด้วยความต้องการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถแข็งแกร่งมาก ทำให้สินเชื่อรวมปีหน้าอาจโตได้ 10-15% รวมถึงบริษัทได้ประโยชน์จากต้นทุนดอกเบี้ยที่อยู่ในแนวโน้มขาลงคาด NIM ตัวดีขึ้นในปี 69-70

- ADVANC (เมย์แบงก์) เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 362.00 บาท ครม.จ่อเคาะมาตราการส่งเสริมการออม (TISA) เบื้องต้นเชื่อหุ้นปันผลสูง 4-6% ได้รับ Sentiment หนุน ขณะที่การลดดอกเบี้ยเป็นอีกปัจจัยทำให้ผลตอบแทนของหุ้นปันผลน่าสนใจมากขึ้น คาดกำไรปี 69 โต 12% ผ่าน Cost saving จำนวน 2.5 พันลบ.รับรู้เต็มปี 69 ณ ราคาปัจจุบันถูกซื้อขาย PE69 ที่ 17.8 เท่า (-0.75SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี)