SA ชู Serviced Apartment-Backlog 3 พันลบ.ดันรายได้ปี 69 สวนทางกำลังซื้อหด-แบงก์เข้มหนัก

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 11, 2025 17:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไซมิส แอสเสท [SA] เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 68 ด้านรายได้คาดชะลอตัวลงจากปี 67 ที่มีรายได้รวม 4,755.84 ล้านบาท ตามการชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยที่ได้รับผลกระทบจากการเติบโตของเศรษฐกิจต่ำและกำลังซื้อหดตัว

ขณะที่ปี 69 ภาพรวมธุรกิจอสังหาฯ ยังมีความท้าทาย แต่บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโตเมื่อเทียบกับปี 68 จากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการคอนโดมีเนียม 2 โครงการที่จะเริ่มทยอยรับรู้ฯ ตั้งแต่ไตรมาส 1/69 ได้แก่ "แลนด์มาร์ค แอท แกรนด์ สเตชั่น" และ "แลนด์มาร์ค แอท เกษตรศาสตร์ ทุ่งสองห้อง สเตชั่น" ซึ่งปัจจุบันทั้ง 2 โครงการมียอดขายรอโอน (Backlog) แล้วมูลค่ารวมเกือบ 3,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 69 ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาและเจรจาซื้อที่ดินใน จ.ภูเก็ต 2 แปลงในทำเลหาดบางเทาและหาดกมลา โดยจะพัฒนาโครงการร่วมกับพันธมิตร มูลค่าโครงการคาดอยู่ที่ราว 9,000 ล้านบาท

พร้อมกันนั้น บริษัทคาดว่าปี 69 ธุรกิจ Serviced Apartment จะสร้าง EBITDA ให้กับบริษัทราว 600 ล้านบาท จากราว 500 ล้านบาทในปีนี้

นายขจรศิษฐ์ กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปีหน้ายังคงเผชิญความท้าทายจากความเข้มงวดในการพิจารณาปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน แม้ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง แต่หากธนาคารพาณิชย์ยังคงไม่ผ่อนคลายมาตรการการปล่อยสินเชื่อ การลดดอกเบี้ยดังกล่าวก็คงจะไม่ช่วยกระตุ้นกำลังซื้ออย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งความเข้มงวดของธนาคารส่งผลให้ยอดการปฏิเสธสินเชื่อ (Rejection Rate) อยู่ในระดับที่สูงมาก สร้างผลกระทบให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ต้องแบกรับต้นทุนด้านการตลาดและค่าใช้จ่ายในการขายที่สูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และจะนำไปสู่การลดลงของกำไรของบริษัทอสังหาริมทรัพย์

ทั้งนี้ สถานการณ์ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันมีความรุนแรงยิ่งกว่าช่วงวิกฤตโควิด-19 และมีความแตกต่างจากวิกฤตต้มยำกุ้ง เนื่องจากปัญหาหลักในขณะนี้คือกำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง ประกอบกับความกังวลของธนาคารพาณิชย์เกี่ยวกับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จึงนำมาสู่การเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่ออย่างหนัก ดังนั้น จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องได้รับการแก้ไขและบรรเทาจากทั้งภาครัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เนื่องจาก อาจส่งผลกระทบในวงกว้างต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยรวมได้

ด้านกลยุทธ์การลงทุนของบริษัทในปี 69 มุ่งเน้นการลดหนี้ พัฒนาโปรเจ็คต์เดิมที่มีอยู่ ระบาย Inventory และออกหุ้นกู้น้อยลง รวมทั้งไม่เน้นขยายโครงการใหม่ เนื่องจากสภาวะตลาดยังไม่ดี อย่างไรก็ตาม ตลาดของการซื้อเพื่อการลงทุนยังคงเติบโต บริษัทจึงได้เปิดตัว Investment Program คือการนำสินทรัพย์ที่มีอยู่ของบริษัทมาขายพร้อมผู้เช่าโดยเปิดขายให้กับบุคคลทั่วไป ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นการขายให้กับนักลงทุนที่เคยลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัท

นายขจรศิษฐ์ เปิดเผยว่า Investment Program สำหรับลูกค้าที่ต้องการสร้างรายได้แบบ Passive Income โดยมี Yield Guarantee รับประกันผลตอบแทน 5% ต่อปีตลอด 5 ปี ได้รับการตอบรับดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะทำเล สุขุมวิทและพระราม 9 ซึ่งมีดีมานด์ปล่อยเช่าจากต่างชาติสูง และเป็นทำเลที่มียอดการปล่อยเช่าคงที่ตลอดปีขณะเดียวกันโมเดลบริหารแบบโรงแรมและ Serviced Apartment ของบริษัทฯ ยังช่วยตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการรายได้สม่ำเสมอ ทำให้ผู้ลงทุนมีสภาพคล่องจากค่าเช่าอย่างต่อเนื่อง

โครงการที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษภายใต้โปรแกรมดังกล่าว ได้แก่ Wyndham Garden Bangkok Sukhumvit 42, Ramada Plaza Residence Sukhumvit 48, Wyndham Bangkok Queen Convention Centre, Blossom Condo @Sathorn-Charoenrat, Ramada By Wyndham Bangkok Sukhumvit 87 ba และ Landmark At MRTA Station เป็นต้น โดยทั้งหมดอยู่บนทำเลเดินทางสะดวก ใกล้รถไฟฟ้า และมีความ ต้องการเช่าสูงจากผู้เช่าต่างชาติ

สำหรับโครงการในกลุ่ม Serviced Apartment อย่าง Wyndham Garden Bangkok Sukhumvit 42 ปัจจุบันห้องชุดแบบ 2 ห้องนอนมีค่าเช่าในระดับ 70,000-90,000 บาทต่อเดือน ซึ่งสูงกว่าค่าเช่าคอนโดทั่วไปในทำเลเดียวกันที่อยู่ราว 50,000- 70,000 บาทต่อเดือนอย่างมีนัยสำคัญ

นายขจรศิษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันตลาดเช่าคอนโดแบบมี Service มีความต้องการเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม Expat ซึ่งรวมถึงชาวญี่ปุ่นที่นิยมเลือกเช่าคอนโดที่มีบริการเทียบเท่าโรงแรม ทำให้โมเดล Serviced Apartment ของ SA สามารถตอบโจทย์ตลาดได้อย่างแม่นยำ และเป็นเหตุผลสำคัญของการทำแคมเปญ Investment Program ในครั้งนี้

แม้ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในช่วงที่ผ่านมาอยู่ในภาวะฟื้นตัวช้า แต่ปัจจัยสนับสนุนจากภาครัฐ เช่น มาตรการลดค่าธรรมเนียมโอน-จำนอง และการผ่อนเกณฑ์ LTV ไปจนถึงกลางปี 2569 รวมถึงแนวโน้มดอกเบี้ยในประเทศที่อาจปรับลดลง ล้วนส่งผลดีต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านเฉลี่ยปัจจุบันไม่ถึง 3% ขณะที่ผลตอบแทนค่าเช่าของโปรแกรมอยู่ราว 5%ทำให้ผู้ลงทุนจึงมีกระแสเงินสดสุทธิเป็นบวกตั้งแต่ปีแรกที่ลงทุน

"เราให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพ การบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าและนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง SA จะเดินหน้าขยายฐานรายได้และสร้างการเติบโต ที่มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว" นายขจรศิษฐ์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ