CryptoShot: DSI รับ "คดีสแกนม่านตาแลกเหรียญดิจิทัล" เป็นคดีพิเศษ !!

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 11, 2025 18:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

CryptoShot: DSI รับ

กลายเป็นประเด็นร้อน เมื่อนายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) สั่งฟ้าผ่ายกเลิก MOU ที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีต รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เคยลงนามร่วมกับ Prime Opportunity Fund VCC Singapore งานนี้ร้อนมาถึง Worldcoin ไม่รู้ว่าเรื่องราวจะจบที่ตรงไหน คงได้แต่รอ DSI!!

*DSI รับ "คดีสแกนม่านตาแลกเหรียญดิจิทัล" เป็นคดีพิเศษ!!

นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดีอีสั่งยกเลิกการลงนาม MOU ระหว่างกระทรวงดีอีฯ และ Prime Opportunity Fund VCC Singapore เมื่อวันที่ 27 มี.ค. 67 ซึ่งเป็นการลงนามของรัฐบาลชุดเก่า

และความเกี่ยวข้องคือ โครงการ Worldcoin สแกนม่านตาเพื่อแลกเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีที่เป็นของบริษัท Tool for Humanity ได้เข้ามาดำเนินการในประเทศไทยผ่านแซนด์บอกซ์ที่กระทรวงดีอีทำ MOU ทำไว้กับกองทุน Prime Opportunity Fund VCC เพื่อส่งเสริมการลงทุนทางด้านเศรษฐกิจดิจิทัลและการเงิน และมีการตั้งศูนย์ธุรกิจและการเงินดิจิทัลนานาชาติประเทศไทย (TIDC) เป็นบริษัทโฮลดิ้ง จัดตั้ง TIDC Worldverse เพื่อเข้ามาขออนุญาตเก็บข้อมูลม่านตาในโครงการ Worldcoin กับสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) และ PDPC ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานไม่ได้อนุญาต แต่ก็ยังมีการดำเนินการเก็บข้อมูลให้เห็นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ บริษัท Prime Opportunity Fund VCC Singapore ก็ถูกตรวจสอบพบเส้นทางเชื่อมโยงขบวนการฟอกเงินดิจิทัลระดับโลกอีกด้วย

งานนี้ DSI ก็รับเป็นคดีพิเศษกรณีธุรกิจสแกนม่านตาแลกเหรียญคริปโทเคอร์เรนซี ภายใต้โครงการ Worldcoin ซึ่งจะดูในฐานความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 "ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"

รายงานข่าวจาก DSI ระบุถึงความเป็นมาของคดีพิเศษว่าธุรกิจสแกนม่านตาแลกเหรียญคริปโตเคอเรนซีภายใต้โครงการ Worldcoin มีความเชื่อมโยงกับบริษัทที่รับสแกนม่านตาตามที่เคยปรากฏเป็นข่าวก่อนหน้านี้ ซึ่งพบว่าในปี 2567 มีคนไทยจำนวนกว่า 1.2 ล้านคนทั่วประเทศได้ทำการสแกนม่านตาผ่านเครื่อง Orb เพื่อยืนยันความเป็นมนุษย์ (Proof of Human) และได้รับเหรียญดิจิทัล Worldcoin (WLD)

เรื่องทั้งหมดเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เพราะมีการอ้างว่าเมื่อสแกนม่านตาแล้วจะมีการจ่ายเป็นเหรียญดิจิทัล อีกทั้งเรื่องนี้ก็มีทีมงานมาติดตั้งเครื่องสแกนม่านตาทำการเชิญชวนให้ประชาชนมาสแกนม่านตา และมีการรับซื้อเหรียญดิจิทัลที่ได้รับมา

นอกจากนี้ ยังพบว่าต้นทางของ Prime Opportunity Fund อย่างประเทศสิงคโปร์ก็ไม่ได้ดำเนินการในเรื่องนี้ต่อ จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่เราต้องลงลึกไปดูว่าข้อมูลสแกนม่านตาของคนไทยจำนวน 1.2 ล้านคน ถูกนำไปใช้ทำอะไรแล้วบ้าง จึงต้องขอระยะเวลาในการสืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานก่อน แต่เบื้องต้น DSI ได้สอบปากคำพยานที่เป็นผู้ประกอบกิจการเกี่ยวกับเหรียญดิจิทัลชื่อดังรายหนึ่งของไทยไปแล้ว เนื่องจากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหรียญดิจิทัล Worldcoin (WLD) แต่คงต้องรอข้อมูลรายละเอียดผลสอบปากคำพยานอย่างครบถ้วนก่อน จึงจะทำให้เห็นภาพรวมที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

รวมถึงต้องรวบรวมข้อมูลว่ามีใครบ้างที่ถูกสแกนม่านตาไปแล้ว และมีการเก็บบันทึกข้อมูลไว้อย่างไรบ้าง เพราะทางบริษัทที่รับติดตั้งเครื่องสแกนม่านตาก็ให้ข้อมูลว่าเก็บข้อมูลเพียงแค่การสแกนม่านตา ทั้งนี้ DSI ยังพบข้อมูลว่าบริษัทที่มาทำบันทึกข้อตกลง MOU กับบริษัทที่ทำเหรียญดิจิทัลมีความเชื่อมโยงกัน

*สรุป!! Ledger Nano X ที่ถูกยึดเป็นของ เวย์ ไทเทเนียม แถมถือแต่เหรียญหมา เหรียญแมว!!

ต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้วที่มีข่าวว่าทางตำรวจได้ยึดทรัพย์สินของ "นานา ไรบีน่า" แต่ความจริงได้ปรากฏแล้ว เพราะ Ledger Nano X อันนั้นไม่ใช่ของ "นานา" แต่ว่าเป็นของ เวย์ ไทเทเนียม ที่เป็นสามี

เพื่อความโปร่งใสเวย์ก็ได้นำ Ledger Nano X มาเปิดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงพบว่าในอุปกรณ์นั้นมีเหรียญดิจิทัล คือเหรียญ Dogecoin จำนวน 15,585.3 เหรียญ และ Shiba Inu (SHIB) จำนวน 99,354,176 เหรียญ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 100,000 บาทเท่านั้น

เบื้องต้นการเข้าพบครั้งนี้เป็นการชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักฐานเท่านั้น ในส่วนคดีของ "นานา" ก็ยังต้องติดตามต่อไป

*เปิดตัวเลข บมจ.ทั่วโลกแห่ถือบิทคอยน์เพิ่มมากขึ้น 448%!!

ใกล้จะสิ้นปีแล้ว แน่นอนเริ่มมองตัวเลขส่งท้ายปีกันแล้ว วันนี้อยากมาชวนดูอีกหนึ่งตัวเลขสำคัญ นั่นก็คือยอดถือครองบิทคอยน์ของบริษัททั่วโลก

อย่างที่เรารู้กัน เจ้าใหญ่สุดหนีไม่พ้น Strategy แต่ถ้าดูย้อนหลังไปตั้งแต่ต้นปี 2023 ตามข้อมูลจาก Glassnode บริษัทวิเคราะห์ on chain จะพบว่าบริษัทมหาชนทั่วโลกถือครองบิทคอยน์เพิ่มขึ้นจาก 197,000 BTC เป็น 1.08 ล้าน BTC คิดเป็นเพิ่มขึ้นถึง 448% ตั้งแต่เดือนมกราคม 2023 เห็นชัดเลยว่าเทรนด์การสะสมบิทคอยน์ที่เพิ่มขึ้นสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นขององค์กรขนาดใหญ่ต่อบิทคอยน์ในฐานะสินทรัพย์สำรองระยะยาว

บริษัทเหล่านั้นมีทั้งบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยี, เหมืองขุดคริปโทฯ, ฟินเทค ไปจนถึงกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ต่างก็ทยอยซื้อ BTC เข้ามาเก็บในงบดุลอย่างต่อเนื่อง ทำให้แนวโน้มการถือครองระดับองค์กรเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยเฉพาะหลังสหรัฐฯ เริ่มเปิดประตูให้สถาบันเข้าถึง Bitcoin ETF ได้อย่างเต็มรูปแบบ

ทั้งนี้ บริษัทมหาชนกำลังกลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นสำคัญที่สุดของตลาด Bitcoin กระแสนี้สะท้อนชัดว่า BTC ไม่ได้เป็นเพียงสินทรัพย์เก็งกำไร แต่กำลังถูกยอมรับให้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การเงินองค์กรทั่วโลกอย่างเป็นทางการ

https://youtu.be/mBMFTlwT7cs


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ