นายกีรติ ไชยะกุล ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานบัญชีและการเงิน บมจ.เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ [PCE] กล่าวว่า บริษัทกำลังดำเนินกลยุทธ์เพื่อมุ่งเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ High Margin และปรับปรุงประสิทธิภาพต้นทุน (cost efficiency) ผ่านการลงทุนในโรงงานต้นน้ำ โดยเฉพาะโรงงานสกัดในเฟส 2 และ 3 ซึ่งรวมถึงการขยายกำลังการผลิตเพื่อเพิ่มส่วนต่างกำไร นอกจากนี้ ยังมีการร่วมมือกับ The Nisshin OiliO Group, Ltd ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมันพืชจากญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับตลาดผู้บริโภค
"ส่วนที่คาดว่าจะเติบโตขึ้นในปีหน้า คือน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) และน้ำมันเมล็ดในปาล์มดิบ (CPKO) เนื่องจากมีดีมานด์จากต่างประเทศค่อนข้างเยอะ และเป็นสารตั้งต้นที่โรงงานเราสามารถผลิตได้ตามที่ต่างประเทศต้องการ ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้พอร์ตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ขณะที่ B100 สัดส่วนในพอร์ตจะลดลง" นายกีรติ กล่าวบริษัทวางแผนการเติบโตที่ 10-15% ต่อปี โดยมีเป้าหมายรายได้สำหรับปี 69 อยู่ที่ 3.1-3.4 หมื่นล้านบาท คาดอัตรากำไรสุทธิที่ 1.8-1.9% พร้อมตั้งเป้าขยับอัตรากำไร (Margin) เป็น 5-6% และมองเป้าหมายระยะยาวที่ระดับ 10%
สำหรับการเติบโตของยอดขายผลิตภัณฑ์ในปี 69 คาดว่า CPO ปริมาณขายจะเพิ่มขึ้นเป็น 55.2 แสนตันทำ New high ส่วนน้ำมันเมล็ดในปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ (RBDPKO) ซึ่งเป็นสารตั้งต้นสำคัญสำหรับ Oleochemical และส่วนผสมโกโก้ ตั้งเป้าไว้ที่ 55.3 หมื่นตัน ส่วนผลิตภัณฑ์กะลาปาล์มคาดยอดขายเพิ่มเป็น 1.11.2 แสนตัน จากที่ปี 68 ที่ 7.5 หมื่นตัน เนื่องจากสามารถส่งออกในราคาพรีเมียมให้กับญี่ปุ่นได้ด้วยมาตรฐาน ESG
ในปี 69 บริษัทตั้งเป้างบลงทุนรวม 600 ล้านบาท โดย 80% ใช้ลงทุนกลุ่มโรงงานผลิต อาทิ โรงสกัดเฟส 3 ที่คาดว่าต้องใช้เงินลงทุนอีกประมาณ 177 ล้านบาท และอีก 20% ใช้พัฒนาศักยภาพซัพพลายเชน อาทิ ขยายพื้นที่ และซื้อรถขนส่งเพิ่ม เป็นต้น งบลงทุนส่วนใหญ่มาจากเงิน IPO ที่ยังเหลืออยู่ราว 800 ล้านบาท และอีกส่วนหนึ่งคาดว่าจะใช้เงินกู้ 400 ล้านบาท
นายพรพิพัฒน์ ประสิทธิ์ศุภผล รองกรรมการผู้จัดการสายงานกลยุทธ์และพัฒนาองค์กร PCE กล่าวว่า บริษัทจะรีแบรนด์น้ำมันพืช "รินทิพย์" จากเดิมที่ขายเฉพาะ Traditional Trade จะมุ่งสู่ Modern Tread ด้วยการปรับปรุงความทันสมัย คาดว่าจะได้เห็นวางขายอยู่ในร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ทั้ง 1.5 หมื่นสาขาในประเทศไทยไม่เกินช่วงไตรมาส 2/69 เป้าหมาย 5 หมื่นลังต่อเดือน ช่วงปีแรกคาดว่าจะสร้างยอดขายราว 200-300 ล้านบาทต่อปี
จุดเด่นในการแข่งขันในตลาดน้ำมัน ของน้ำมันพืช "รินทิพย์" ที่จะวางขายในร้านสะดวกซื้อว่า สุดท้ายทุกอย่างอยู่ที่ราคา ถ้าราคาดีต้นทุนดีก็สู้ได้ เนื่องจากเศรษฐกิจไทยปีนี้ต่อเนื่องไปถึงปีหน้าน่าจะฝืด ดังนั้น หากทำต้นทุนให้ดีก็จะสามารถสู้กับเขาได้ ซึ่งบริษัทก็มีแผนสร้างโรงสกัดเพิ่มเพื่อลดต้นทุนแล้ว
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมพร้อมต่อยอดไปยังอุตสาหกรรม Oleochemical โดยมีมูลค่าลงทุนในโรงงาน Fatty Acid 50 ล้านบาท เพื่อเจาะตลาด Consumer Product อาทิ สารลดแรงตึงผิวซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของสบู่ ครีมอาบน้ำ หรือแม้แต่ผลิตวัตถุดิบสำหรับเวชสำอาง
นายพรพิพัฒน์ เปิดเผยถึงแนวโน้มราคา CPO ว่า ปริมาณผลปาล์มจะออกมากขึ้นเนื่องจากจะเข้าสู่ภาวะลานีญาที่มีปริมาณฝนมากต่อเนื่องจากปีนี้ไปถึงปีหน้า ส่งผลให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบในประเทศคาดเฉลี่ยอยู่ที่ราว 35 บาทต่อกิโลกรัม
ส่วนสถานการณ์การเมืองที่ล่าสุดมีการยุบสภาจะส่งผลต่อบริษัทหรือไม่นั้น นายพรพิพัฒน์ กล่าวว่า เมื่อยุบสภาแล้วในกรณีที่แย่สุดคือถ้ารัฐบาลบอกว่าไม่อยากผสมน้ำมันปาล์มใน B100 แล้ว ซึ่งจะทำให้ซัพพลายของ CPO ล้นและส่งผลให้ราคาถูกลง เพราะโรงงานไม่มีเหตุผลที่ต้องซื้อราคาแพงอีกต่อไป ส่วนถ้าปรับเป็น B7 หรือ B10 เป็นผลดีกับชาวสวนปาล์มที่จะได้ราคาดีขึ้น เพราะดึงซัพพลายออก