โบรกเกอร์ แนะนำ "ซื้อ" บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม [PTTEP] แม้มีแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับลง แต่มีปัจจัยบวกหลักคือแผน 5 ปีที่แข็งแกร่ง (69-73) โดยทุ่มงบรวม 3.33 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ภายใต้กลยุทธ์ 3D เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานและรองรับการเปลี่ยนผ่าน โดยคาดยอดขายเติบโตเฉลี่ย 3.5% และรักษาวินัยการควบคุมต้นทุนได้ดี ทำให้กระแสเงินสดแข็งแกร่งเพียงพอรองรับการจ่ายเงินปันผลสูง
ราคาหุ้น PTTEP ปิดเที่ยงอยู่ที่ 107.50 บาท ลดลง 0.50 บาท (-0.48%)
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ ซื้อ 169.00
ฟิลลิป ซื้อ 140.00
อินโนเวสท์เอกซ์ ซื้อ 138.00
ยูโอบี เคย์เฮียน ซื้อ 136.00
ทิสโก้ ซื้อ 134.00
ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล ซื้อ 128.00
ลิเบอเรเตอร์ ซื้อ 127.50
กรุงไทย เอ็กซ์สปริง Neutral 115.00
นายเบญจพล สุทธิ์วนิช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มในไตรมาส 4/68 ของ PTTEP คาด Core Earning เติบโตทั้ง QoQ และ YoY โดยต้นทุนน้ำมันต่อหน่วย (Unit cost) คาดว่าจะลดลงอยู่ที่ 29 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ยอดขายเพิ่มขึ้น 7% QoQ อยู่ที่ 541,000 บาร์เรลต่อวัน ทั้งนี้คาดเงินปันผลครึ่งปีหลังของ PTTEP อยู่ที่ 5.50 บาทต่อหุ้น
ขณะที่ปี 69 คาดยอดขายโต 9% มาจากโครงการที่ทยอยรับรู้ยอดขายในปี 68 ได้แก่ การลงทุนเพิ่มในโครงการ MalaysiaThailand Joint Development Area A18 (MTJDA A18) โครงการ Algeria Touat และโครงการ Sinphuhorm เป็นโครงการที่ PTTEP มีการลงทุนเพิ่มในระหว่างปี 68 รวมไปถึงการเพิ่มกำลังผลิตของโครงการอาทิตย์จะมารับรู้ยอดขายเต็มปี และ โครงการที่เริ่มดำเนินงานในปีหน้า ได้แก่ โครงการ Ghasha ในประเทศ UAE และโครงการ Sabar K ในมาเลเซีย
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันยังส่งผลกระทบ โดยเราคาดว่าปี 69 ราคาน้ำมันดิบจะอยู่ที่ 67 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากมีแรงกดดันด้านอุปทานอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เราคาดการณ์ว่ากำไรปี 69 ของ PTTEP จะอยู่ที่ระดับเกือบ 6 หมื่นล้านบาท ลดลงจากปี 68
PTTEP มีการระบุถึงโครงการ Mozambique ที่จะเริ่มดำเนินการผลิตปลายปี 71 ปัจจุบัน TOTAL ในฐานะ Operator อยู่ระหว่างการเจรจากับทางรัฐบาล Mozambique ทั้งเรื่องของค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในช่วงที่โครงการหยุดก่อสร้างจากเหตุสุดวิสัยเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิด cost overrun รวมไปถึงการขออนุญาตให้การเข้าพื้นที่ก่อสร้างที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตามเรายังติดตามประเด็นดังกล่าวอย่างใกล้ชิด หากการ Resume operation มีความล่าช้าจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด impairment ในปี 69
แนะนำ "ซื้อ ราคาเป้าหมายปี 69 ที่ 136 บาท จากเดิม 155 บาท อ้างอิงค่าเฉลี่ย PE ย้อนหลัง 5 ปี ที่ 9x เรา Roll-over ราคาเป้าหมายไปเป็นปี 69
บล.อินโนเวสท์เอกซ์ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แผนการลงทุนปี 69-73 ของ PTTEP ซึ่งยึดตามกลยุทธ์ 3D มุ่งเน้นไปที่การสร้างความมั่นคงทางพลังงาน การขยายการลงทุนในต่างประเทศ และการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ด้วยงบประมาณรวม 3.33 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (รายจ่ายลงทุน 2.07 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และรายจ่ายดำเนินงาน 1.26 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ)
รายจ่ายลงทุนรายปีจะลดลงจาก 5.16 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 69 มาอยู่ที่ 2.88 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 73 เนื่องจากการโครงการต่างๆ เปลี่ยนจากช่วงพัฒนาเข้าสู่ช่วงซ่อมบำรุงและเพิ่มประสิทธิภาพ การสำรวจยังคงเป็นกลยุทธ์สำคัญ โดยมีงบ 129 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 69 สำหรับโครงการขุดเจาะและสำรวจคลื่นไหวสะเทือนในประเทศไทย มาเลเซีย เมียนมา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และแอลจีเรีย
PTTEP คาดการณ์การเติบโตของปริมาณการขายจาก 556,000 บาร์เรลต่อวันในปี 69 เป็น 621,000 บาร์เรลต่อวัน ในปี 72 ก่อนจะชะลอตัวลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 609,000 บาร์เรลต่อวันภายในปี 73 (CAGR ~3.5%) การเติบโตมาจากโครงการ MTJDA-A18 โครงการแอลจีเรีย ทูอัท และโครงการพัฒนาในประเทศมาเลเซีย แม้จะมีความล่าช้าในโครงการ LNG ในโอมาน และโมซัมบิก
PTTEP จะยังคงให้ความสำคัญสูงสุดกับสินทรัพย์หลักในประเทศไทย (G1/61, G2/61, อาทิตย์ และ Contract 4) ควบคู่ไปกับโครงการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCS) ที่แหล่งอาทิตย์ภายใต้แผน NDC ของประเทศไทย การขยายการลงทุนในต่างประเทศมุ่งเน้นที่ตะวันออกกลาง (กาชา, อาบูดาบี ออฟชอร์ 2), แอฟริกา (โมซัมบิก, แอลจีเรีย HBR) และโครงการพัฒนาในประเทศมาเลเซีย โดยมีเป้าหมายเริ่มผลิตก๊าซครั้งแรกจากโครงการในมาเลเซียและโครงการเมียนมา M3 ในปี 71 แม้ว่าจะมีความเสี่ยงด้านการดำเนินงาน
ประมาณการทางการเงินของ PTTEP อิงกับสมมติฐานราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตามหลักความระมัดระวัง โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบจะอยู่ที่ 65-66 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในปี 69 และค่อยๆ เพิ่มขึ้นเป็น 70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลภายในปี 73 ราคาก๊าซคาดว่าจะทรงตัวอยู่ที่ประมาณ 5.8 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียูในปี 69
โครงการลดต้นทุน ซึ่งรวมถึงโครงการ GoT SAVE มีเป้าหมายเพื่อรักษาระดับต้นทุนต่อหน่วยไว้ที่ 30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพื่อคงความสามารถในการแข่งขัน ทั้งนี้ ที่ระดับราคาน้ำมันเหล่านี้ PTTEP คาดว่าจะมีกระแสเงินสดอิสระที่เป็นบวกเพื่อรองรับการจ่ายเงินปันผล ซึ่งตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น
เราได้นำเป้ายอดขายที่อัพเดทใหม่ งบลงทุนตามแผนล่าสุด และสมมติฐานราคาน้ำมันที่ INVX ปรับปรุงใหม่เข้ามาไว้ในประมาณการ โดยปรับสมมติฐานราคาน้ำมันดิบเบรนท์ลดลงเป็น 62 เหรียญสหรัฐในปี 69 (จาก 66 เหรียญสหรัฐ) จากปริมาณสต๊อกที่เพิ่มขึ้น และปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 63 เหรียญสหรัฐในปี 70 ท่ามกลางผลผลิตของสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลง ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ระยะยาวยังคงอยู่ที่ 64 เหรียญสหรัฐตั้งแต่ปี 71 เป็นต้นไป ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบคาดว่าจะอยู่ที่ 60 เหรียญสหรัฐ (ปี 69), 61 เหรียญสหรัฐ (ปี 70) และ 62 เหรียญสหรัฐในระยะยาว การปรับเปลี่ยนเหล่านี้สะท้อนถึงมุมมองที่ระมัดระวังมากขึ้นต่อพลวัตอุปสงค์และอุปทานในระยะสั้น
เราคาดว่ากำไรสุทธิปี 69 จะลดลง 16% YoY มาอยู่ที่ 4.9 หมื่นล้านบาท (ลดลง 12% จากประมาณการเดิม) จากสมมติฐานราคาน้ำมันที่ลดลง แม้ว่า EBITDA margin น่าจะยังคงเป็นไปตามเป้าหมายของบริษัทที่ 70-75% Upside ต่อประมาณการ คือ ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางและยุโรปที่สูงขึ้น นอกจากนี้เรายังปรับราคาเป้าหมาย (กลางปี 69) ลดลงจาก 147 บาท เป็น 138 บาท เรายังคงสมมติฐานปริมาณการขายต่ำกว่าเป้าหมายของบริษัท 3% เพื่อให้มีส่วนเผื่อความปลอดภัย (margin of safety)
ปัจจัยเสี่ยง: 1) ราคาน้ำมันดิบผันผวน 2) ต้นทุนต่อหน่วยสูงขึ้น 3) การด้อยค่าของสินทรัพย์ และ 4) การเปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ปัจจัยเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญ คือ ผลกระทบของธุรกิจต่อสิ่งแวดล้อม และการปรับตัวในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด
บล.ลิเบอเรเตอร์ ระบุว่า PTTEP แจ้งแผนการดำเนินงาน 5 ปี (69-73) เงินลงทุนทั้งสิ้น 33,279 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็นรายจ่ายลงทุน (Capital Expenditure) 20,732 ล้านเหรียญสหรัฐ และรายจ่ายดำเนินงาน (Operating Expenditure) 12,547 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนปริมาณขาย คาดอัตราเติบโตเฉลี่ย (CAGR) (68-73) +3.5% ต่อปี ซึ่งหลักๆ จะมาจากแหล่งผลิตในไทย, เมียนมา, มาเลเซีย, โอมาน และตะวันออกกลาง
ปริมาณขาย ไตรมาส 4/68 คาดจะเพิ่มขึ้น QoQ หลังรับรู้ปริมาณขายเต็มไตรมาสสำหรับโครงการใหม่ ๆ เช่นโครงการ A18 และ Touat ขณะที่ในไทยคาดไม่มีการหยุดซ่อมอย่างไตรมาสก่อนหน้า เช่นเดียวกับปริมาณขายในแอฟริกาคาดเพิ่มขึ้นจากปัจจัยฤดูกาล
อย่างไรก็ตาม ราคาขายเฉลี่ยอาจอ่อนลง QoQ ตามราคาน้ำมันที่ลดลง เบื้องต้นเรามีปรับลดประมาณการลงจากเดิม จากการปรับลดสมมติฐานราคาขายลงตามราคาน้ำมันดิบที่ลดลง แต่มีปรับปริมาณขายเพิ่ม เป็น 508.6 KBOED และราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 5.7 เหรียญสหรัฐ/MMBTU ภายใต้ราคาน้ำมันดิบดูไบ 69.75 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้เราปรับกำไรสุทธิลงเหลือ 52,373 ล้านบาท หด -33% YoY
คงแนะนำ "ซื้อ" แต่ปรับใช้ราคาเหมาะสมเป็นปี 69 และปรับราคาลงเหลือ 127.50 บาท/ หุ้น จากการปรับลดประมาณการตามสมมติฐานใหม่
"จากการแจ้งแผนการดำเนินงาน 5 ปีข้างหน้า ประกอบกับแนวโน้มราคาน้ำมันที่ปรับลง แม้ปริมาณขายจะเพิ่มขึ้น q-q แต่การดำเนินงานอาจไม่เด่นนักตามราคาน้ำมันที่ปรับลง ปัจจัยต้องติดตามคือแนวโน้มราคาน้ำมันที่อาจเป็นปัจจัยกดดันการดำเนินงานจากการเข้าสู่ช่วงปรับราคาอีกครั้งในช่วง ไตรมาส 4/68 กลยุทธ์การลงทุน ยังคงแนะนำให้ซื้อขายเล่นรอบตามแนวโน้มราคาน้ำมันขาขึ้นเป็นหลัก"