NTF ปิดเทรดวันแรก 7 บาท บวก 16.67% หรือเพิ่มขึ้น 1.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 669.41 ล้านบาท จากราคาเปิด 8.50 บาท ราคาสูงสุด 8.95 บาท ราคาต่ำสุด 6.10 บาท และราคา IPO ที่ 6 บาท
บล.ทิสโก้ ระบุว่า บมจ.เอ็นทีเอฟ อินเตอร์กรุ๊ป (ประเทศไทย) [NTF] จากการประเมินมูลค่าเบื้องต้นด้วย PER ย้อนหลัง 1 ปี ของคู่แข่งในตลาดที่ 9.6x เท่า มองว่ามูลค่าเหมาะสมสำหรับ FY26F ของบริษัท ณ ราคา IPO มี Upside
NTF เป็นผู้จำหน่ายผลไม้สดและแช่แข็งทั้งในและต่างประเทศ โดยกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทฯ คือ ผู้ค้าส่งผลไม้ในประเทศจีน โดยปัจจุบันมีการจัดจำหน่ายสินค้าไปให้กลุ่มลูกค้าในเมืองเซี่ยงไฮ้และกวางเจา ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าผลไม้สดที่สำคัญของจีน ได้แก่ ตลาดเจียซิง (Jiaxing Market) และตลาดเจียงหนาน (Jiangnan Fruit Market) ซึ่งทั้ง 2 ตลาดเป็นตลาดขายส่งผลไม้สดที่ใหญ่เป็นอันดับต้นของประเทศจีน โดยมีกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ 1 กลุ่มซึ่งเป็นนิติบุคคลจัดตั้งขึ้นในประเทศจีน มีสัดส่วนรายได้จากการขายในงวด 9M68 มากกว่า 30% ของรายได้จากการขายทั้งหมด โดยสินค้าหลักที่จำหน่ายให้แก่ลูกค้ากลุ่มนี้ คือ ทุเรียน
ภาพรวมตลาดประเทศจีน ตามการคาดการณ์ของ Astute Analytica ตลาดผักและผลไม้ในจีนในปี 2566 มีมูลค่า 1,344.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และประมาณการว่าจะเติบโตในช่วงปี 25672575 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 6.6% การเติบโตนี้ได้รับแรงสนับสนุนหลักจากการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในสังคมจีน โดยเฉพาะการขยายตัวของชนชั้นกลางที่มีรายได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้าผักและผลไม้คุณภาพพรีเมี่ยมที่ตอบโจทย์เป้าหมายด้านสุขภาพ
นอกจากนี้ ข้อมูลจาก Produce Report ระบุว่าประเทศจีนมียอดการนำเข้าผลไม้เติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2557 2567 โดยมีมูลค่าในปี 2567 เท่ากับ 17.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) อยู่ที่ 14.2% การเติบโตนี้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการสินค้านำเข้าจากต่างประเทศของตลาดจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีมูลค่าการนำเข้าในประเทศจีนสูงที่สุดในปี 2567 คิดเป็นประมาณ 40% ของผลไม้นำเข้า
สำหรับแนวโน้มรายได้ปี 2568 คาดเติบโตอย่างต่อเนื่อง YoY โดยรายได้จากการขายผลไม้ 9M68 อยู่ที่ 2,106.7 เทียบกับ 9M67 ที่ 1,205.7 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 133.8% ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของความต้องการทุเรียนสดจากประเทศจีนของกลุ่มลูกค้าในตลาดเจียซิง (Jiaxing) เมืองกวางเจา และตลาดเซี่ยงไฮ้ (Shanghai) รวมถึงความสามารถของ NTF ในการจัดหาทุเรียนได้เพิ่มขึ้น ทำให้ NTF ต้องจัดสรรกำลังการผลิตโดยเน้นสินค้าทุเรียนเป็นหลัก สำหรับสินค้ามะพร้าวได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องทำให้สัดส่วนการส่งออกปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เราคาดว่าผลประกอบการรวมของปี 2568-2569 จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม การส่งออกส่วนใหญ่ของบริษัทเน้นการพึ่งพาของตลาดจีน ซึ่งอาจสร้างความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดน้อยรายหรือการกระจุกตัวของกลุ่มลูกค้าได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ เริ่มขยายตลาดไปยังฮ่องกง และสหรัฐอเมริกา เพื่อขยายฐานลูกค้าและลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงลูกค้าจีน เราจึงคาดว่า รายได้จากการส่งออกของบริษัทคาดว่าสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ความเสี่ยงหลักของบริษัทประกอบด้วย(1) ความเสี่ยงจากการมีลูกค้าน้อยรายและการกระจุกตัวของลูกค้าในประเทศจีน (2) ความเสี่ยงจากการพึ่งพิงโรงคัดบรรจุผลไม้ (3) ความเสี่ยงจากการแข่งขันในการจัดหาสินค้าในประเทศ (4) ความเสี่ยงจากการผลิตสินค้าไม่ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า (5) ความเสี่ยงจากผลไม้มีฤดูกาล (Seasonal Effect) และการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ