นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย เปิดเผยว่า จากผลการดำเนินงานในกองทุน KT-Precious ที่มีผลงานโดดเด่นมาต่อเนื่อง (ข้อมูล ณ 31 ต.ค. 68) อีกทั้งบริษัทยังคงเห็นโอกาสจากการลงทุนในหุ้นเหมืองทองคำและโลหะมีค่าทั่วโลก จึงได้เปิดเสนอขาย กองทุนเปิดเคแทม World Gold and Precious Equity เพื่อการเลี้ยงชีพ (KT-PRECIOUS RMF) (ความเสี่ยงระดับ 7) เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยเปิดเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 18-24 ธันวาคม 2568 นี้
สำหรับ KT-PRECIOUS RMF เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Franklin Gold and Precious Metals Fund (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ NAV ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นที่เจาะจงในกลุ่มอุตสาหกรรมการประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับทองคำ และโลหะมีค่า
ความน่าสนใจของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับทองคำและโลหะมีค่า มาจากปัจจัยสนับสนุนที่หลากหลาย อาทิ การที่ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงเข้าซื้อทองคำต่อเนื่องในฐานะทุนสำรองระยะยาว ความตึงเครียดในตะวันออกกลางและยุโรปตะวันออก (รัสเซีย-ยูเครน) ส่งผลให้เกิดความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยยิ่งขึ้น นอกจากนี้ แรงหนุนเชิงมหภาคที่แข็งแกร่งจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง ดอลลาร์อ่อนค่า เงินเฟ้อที่ยังสูงกว่ากรอบ นับว่าเป็นปัจจัยบวกสำคัญต่อราคาทองคำด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม หากอัตราส่วน HUI/Gold (การเปรียบเทียบมูลค่าของดัชนี NYSE Gold BUGS Index (HUI) กับราคาทองคำ) มีแนวโน้มขาขึ้นได้ต่อเนื่อง ก็จะเป็นสัญญาณยืนยันว่าหุ้นเหมืองจะยังคง outperform ทองคำในระยะถัดไป ในฐานะผู้นำของธีมนี้
จุดเด่นของกองทุน KT-PRECIOUS RMF มาจากการที่หุ้นเหมืองมักเคลื่อนไหวแบบมี Leverage โดการใช้เงินกู้เพื่อเพิ่มขนาดการลงทุนให้ใหญ่เมื่อเทียบกับราคาทอง ขณะที่รายได้วิ่งตามราคาตลาดจึงทำให้ผลตอบแทนเร่งตัวได้ ทั้งยังมีการกระจายการลงทุนที่หลากหลายกว่า 130 บริษัท ครอบคลุมหลากหลายภูมิภาค ทั้งแคนาดา ออสเตรเลีย สหรัฐฯ แอฟริกา และสหราชอาณาจักร รวมถึงโครงสร้างพอร์ตที่สมดุลจากหุ้นเหมืองขนาดใหญ่เพื่อความมั่นคงและกระแสเงินสด ขณะที่หุ้นเล็กสร้างการเติบโตจากการค้นพบแหล่งใหม่เพื่อสร้างการ Leverage และการควบรวมกิจการ (M&A)
"แม้ว่ากองทุน KT-PRECIOUS RMF จะเน้นลงทุนในหุ้นเหมืองทองคำ แต่บริบทของตลาดการเงินโลกในปัจจุบันโดยเฉพาะตลาดตราสารหนี้ทั่วโลกที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความกังวลต่อสภาวะเศรษฐกิจในอนาคต และอาจเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยปรับตัวสูงขึ้นได้ ดังนั้น การมีทองคำและหุ้นที่เกี่ยวข้องในพอร์ตจึงเป็นการกระจายความเสี่ยงที่น่าสนใจในช่วงเวลานี้" นางชวินดา กล่าว