เมื่อเวลา 10.31 น.
SCB บวก 1.10% มาที่137.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 397.18 ล้านบาท
BBL บวก 0.30% มาที่ 169.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 310.07 ล้านบาท
KBANK ลบ 0.70% มาที่ 195.50 บาท ลดลง 1.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 497.11 ล้านบาท
KTB ลบ 1.69% มาที่ 29.00 บาท ลดลง 0.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 685.03 ล้านบาท
TTB ลบ 1.72% มาที่ 2.04 บาท ลดลง 0.04 บาท มูลค่าซื้อขาย 184.35 ล้านบาท
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.พาย กล่าวว่า กลุ่มแบงก์ปรับตัวลงเนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% เมื่อวันพุธที่ผ่านมา หลังจากนั้นเมื่อวานธนาคารกสิกรไทย [KBANK] นำร่องปรับลดดอกเบี้ยแล้ว ทำให้ตลาดกังวลส่วนต่างดอกเบี้ยจะลดลง แต่เราได้คาดการณ์ไว้แล้วว่ากำไรของกลุ่มแบงก์ในปี 69 จะอ่อนตัวจากปี 68
อย่างไรก็ดี ราคาหุ้น บมจ.เอสซีบี เอกซ์ [SCB] และ ธนาคารกรุงเทพ [BBL] บวกสวนกลุ่มแบงก์ เป็นเพราะจ่ายปันผลดี โดยเฉพาะ SCB จ่ายปันผลดีที่สุดในกลุ่ม อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง 8.5% ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของ SCB โดยเป็น Top Pick ราคาเป้าหมาย 146 บาท
ทั้งนี้เช้านี้มีแรงขายทำกำไรกลุ่มแบงก์หลังจากเมื่อวานกลุ่มแบงก์ปรับตัวขึ้น แต่ไม่มีผลในเชิงปัจจัยพื้นฐาน เพราะแม้จะปรับลดดอกเบี้ย แต่ก็ไม่มีผลต่อการปล่อยสินเชื่อ แบงก์คงไม่ปล่อยสินเชื่อมากนักจากภาพเศรษฐกิจปีหน้าโตต่ำส่งออกก็แย่ ขณะที่มีการเลือกตั้งน่าจะชวยจับจ่ายระยะสั้น แต่โดยรวมเศรษฐกิจปีหน้าก็ยังคลุมเครือ จีดีพีไม่ได้เติบโตจะให้แบงก์เติบโตก็ยาก ดังนั้น นักลงทุนหันมาเล่นกลุ่มแบงก์เป็นหุ้นปันผลไปแล้ว