สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (15 - 19 ธันวาคม 2568) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้ มีมูลค่ารวม 354,252 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 70,850 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 12% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้ว จะพบว่ากว่า 47% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 166,074 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (state Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาล ที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 144,149 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 14,991 ล้านบาท หรือคิดเป็น 41% และ 4% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ
สำหรับพันธบัตรรัฐบาล ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB726A (อายุ 46.5 ปี) LB26DA (อายุ 1.0 ปี) และ LB294A (อายุ 3.3 ปี) โดยมีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 13,751 ล้านบาท 11,042 ล้านบาท และ 11,042 ล้านบาท ตามลำดับ
ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) รุ่น IVL355A (A+) มูลค่าการซื้อขาย 636 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) รุ่น BGRIM279A (A-) มูลค่าการซื้อขาย 619 ล้านบาท และหุ้นกู้ ของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) รุ่น PTTGC269A (AA-(tha)) มูลค่าการซื้อขาย 506 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลดลงประมาณ 3-7 bps. หลังจากผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ 1.25% ต่อปี เนื่องจากเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวชัดเจน และมีความเสี่ยงมากขึ้น ด้านปัจจัยต่างประเทศ รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของสหรัฐฯ (CPI) ประจำเดือนพ.ย. ปรับตัวขึ้น 2.7% (YoY) ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 3.1% ด้านผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ตามการคาดการณ์ของตลาด ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ระดับ 2.00% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ที่ระดับ 2.40% ขณะที่ ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 0.75 โดยมีเป้าหมายเพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูงอันเนื่องมาจากการอ่อนค่าของเงินเยน
สัปดาห์ที่ผ่านมา (15 - 19 ธันวาคม 2568) กระแสเงินลงทุนต่างชาติไหลออกตลาดตราสารหนี้ไทยรวมสุทธิ 3,158 ล้านบาท โดยเป็นการซื้อสุทธิ ในตราสารหนี้ระยะสั้น (ST) (อายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี) 1,140 ล้านบาท และขายสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว (LT) (อายุมากกว่า 1 ปี) 3,795 ล้านบาท และมีตราสารหนี้ที่ถือครองโดยนักลงทุนต่างชาติหมดอายุ 504 ล้านบาท
หมายเหตุ: อันดับเครดิต หมายถึง อันดับเครดิตของหุ้นกู้เฉพาะรุ่น หรือ อันดับเครดิตของผู้ออกหุ้นกู้
ดัชนีหุ้นกู้เอกชน (Corp Bond Gross Price Index) เปลี่ยนเป็น ดัชนีหุ้นกู้เอกชน(MTM Corp Bond Gross Price Index) ตั้งแต่ ม.ค. 2565
ความเคลื่อนไหวในตลาดตราสารหนี้ไทย สัปดาห์นี้ สัปดาห์ก่อนหน้า เปลี่ยนแปลง สะสมตั้งแต่ต้นปี (15 - 19 ธ.ค. 68) (8 - 12 ธ.ค. 68) (%) (1 ม.ค. - 19 ธ.ค. 68) มูลค่าการซื้อขาย แบบปกติ - Outright Trading (ล้านบาท) 354,252.20 404,472.02 -12.42% 21,148,404.54 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน (ล้านบาท) 70,850.44 101,118.01 -29.93% 89,993.21 ดัชนีพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Gross Price index) 112.47 113.19 -0.64% ดัชนีหุ้นกู้เอกชน (MTM Corp Bond Gross Price Index) 109.16 109.08 0.07% เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Yield Curve) --% ช่วงอายุของตราสารหนี้ 1 เดือน 6 เดือน 1 ปี 3 ปี 5 ปี 10 ปี 15 ปี 30 ปี สัปดาห์นี้ (19 ธ.ค. 68) 1.14 1.14 1.16 1.23 1.32 1.7 2.04 2.44 สัปดาห์ก่อนหน้า (12 ธ.ค. 68) 1.21 1.21 1.21 1.27 1.34 1.73 2.03 2.46 เปลี่ยนแปลง (basis point) -7 -7 -5 -4 -2 -3 1 -2