TTA เชื่อรากฐานการเงินแกร่งดันผลงานปี 55ดีขึ้น แม้ธุรกิจเดินเรือยังแย่

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 29, 2011 15:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ. โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA)เชื่อส่าการปรับโครงสร้างธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองให้พร้อมเผชิญกับสถานการณ์ท้าทายมากขึ้นในวันข้างหน้า ควบคู่ไปกับการปรับโครงสร้างธุรกิจในบมจ.เมอร์เมด มาริไทม์และบมจ.ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส(UMS) น่าจะนำสิ่งที่ดีเป็นประโยชน์กลับมาสู่บริษัทในปีหน้า โดยเฉพาะด้วยรากฐานการเงินที่มั่นคงของ TTA ทำให้มั่นใจว่าผลการดำเนินงานในปีหน้าจะดีขึ้น ถึงแม้ว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจภาพรวมในปีหน้าจะยังคงน่าเป็นห่วง

ม.ล. จันทรจุฑา จันทรทัต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ TTA กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองยังคงเผชิญกับแรงกดดัน อุปทานของเรือยังคงเติบโตแซงหน้าอุปสงค์ในการใช้งานเรือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้สภาพเศรษฐกิจที่บอบช้ำของโลกตะวันตก อัตราค่าระวางเรือมีแนวโน้มอ่อนแอไปถึงปี 56

ด้านอุปทานของเรือมีการคาดการณ์ว่าปี 54 มีการส่งมอบเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองสูงที่สุด และปี 55 การส่งมอบยังคงอยู่ในระดับสูง ผลจากการหยุดสั่งต่อเรือใหม่จะเริ่มเห็นได้เมื่อจำนวนเรือส่งมอบในช่วงปี 56-58 ค่อยเริ่มลดลง

ในด้านอุปสงค์ ปริมาณการขนส่งสินค้าแห้งเทกองทั่วโลกคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 7-8% ในปี 55 ประเทศจีนยังคงเป็นผู้นำโดยครึ่งหนึ่งของปริมาณความต้องการที่เพิ่มขึ้นนั้นจะมาจากประเทศจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การผลิตเหล็กของจีนน่าจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง การผลิตสินแร่เหล็กทั่วโลกจะมีการแข่งขันทางด้านราคามากขึ้น คาดว่าจีนจะนำเข้าสินแร่เหล็กเพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังคาดว่าจีนจะนำเข้าถ่านหินและเมล็ดพันธ์พืชเพิ่มขึ้น

ส่วนที่อื่นๆ การเติบโตคาดว่าอยู่ในระดับกลาง มีการคาดการณ์ว่า ประเทศญี่ปุ่นจะเริ่มฟื้นตัวจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อเดือนมี.ค.54 ทำให้มีการนำเข้าสินค้ามากขึ้น

ธุรกิจวิศวกรรมใต้น้ำในปี 55 จะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยทั้งในส่วนของอัตราการใช้ประโยชน์และกำไร เนื่องจากอุปสงค์และอุปทานยังอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน แต่ตั้งแต่ปี 56 เป็นต้นไป ธุรกิจจะมีการปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากการขยายตัวของกองเรือจะเริ่มเติบโตช้ากว่าความต้องการการสำรวจและขุดเจาะ

ขณะที่แม้ว่าการลงทุนใหม่ๆ ในปิโตรลิฟต์ บาคองโค และบาเรียเซเรส น่าจะยังคงสร้างผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากขนาดการลงทุนยังเล็ก ผลกำไรตอบแทนที่ได้รับกลับมาอาจจะยังไม่มากพอที่จะชดเชยผลการดำเนินงานที่หดตัวของธุรกิจเดินเรือสินค้าแห้งเทกองในปี 2555

ม.ล.จันทรจุฑา กล่าวว่า ในปี 54 บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 139 ล้านบาท และกำไรต่อหุ้น 0.20 บาท ลดลงเมื่อเทียบกับผลกำไรสุทธิ 795.57 ล้านบาท และกำไรต่อหุ้น 1.12 บาทในปี 53 สาเหตุหลักเป็นผลมาจากภาวะตลาดซบเซาของธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกอง ซึ่งบางส่วนได้รับชดเชยด้วยรายได้จากขายเรือเก่า และผลตอบแทนการลงทุนที่ของธุรกิจใหม่ๆ ที่เพิ่งเข้าไปลงทุน เช่น ธุรกิจปุ๋ยและท่าเรือน้ำลึกในเวียดนาม ตลอดจนธุรกิจเรือบรรทุกน้ำมันในฟิลิปปินส์

ถึงแม้ว่ากำไรสุทธิจะลดลง แต่เกือบจะในทุกธุรกิจที่ TTA เข้าไปลงทุนมีผลกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี (ที่ไม่รวมรายการพิเศษ)ทั้งสิ้น ยกเว้นธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกอง ดังนั้น ภาพรวมของผลกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อม (ที่ยังไม่รวมรายการพิเศษ) อยู่ที่ระดับ 2,544 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% จากปีก่อน

TTA มีรายได้รวมปี 54 ที่ระดับ 17,565 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจาก 17,919 ล้านบาทในปี 53 สัดส่วนรายได้ของกลุ่มธุรกิจหลักทั้งสามเริ่มมีความสมดุลใกล้เคียงกันมากขึ้น โดยกลุ่มธุรกิจขนส่งมีรายได้ 5,536 ล้านบาท กลุ่มธุรกิจพลังงานมีรายได้ 5,543 ล้านบาท และกลุ่มธุรกิจโครงสร้างขั้นพื้นฐานมีรายได้รวม 6,488 ล้านบาท

"เราคาดการณ์ว่าปริมาณกองเรือล้นตลาดและเศรษฐกิจที่ชะลอตัว จะทำให้อัตราค่าระวางเรืออยู่ในระดับต่ำเช่นนี้ไปอีกอย่างน้อย 18-24 เดือน เราจึงปรับตัวให้เข้ากับสภาวะตลาด ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงกองเรือให้ทันสมัย และการปรับลดขนาดโครงสร้างองค์กรของธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกอง" ม.ล.จันทรจุฑา กล่าว

ขณะเดียวกัน เราก็เห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีของเมอร์เมดฯ ในช่วงครึ่งหลังของปี 54 รวมถึงผลกำไรตอบแทนที่ดีอย่างยิ่งจากธุรกิจใหม่ๆ ที่เราเพิ่งเข้าไปลงทุน ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจปุ๋ยของบาคองโค ธุรกิจเรือบรรทุกน้ำมันของปิโตรลิฟต์ และธุรกิจท่าเรือน้ำลึกของบาเรียเซเรส ซึ่งช่วยบรรเทารายได้ที่ลดลงของธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกอง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ