(เพิ่มเติม) OISHIคาดรายได้ธุรกิจอาหารปี54พลาดเป้ารับน้ำท่วม/เล็งเปิด 2-3แบรนด์ใหม่

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 1, 2011 13:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.โออิชิ กรุ๊ป(OISHI)คาดว่ารายได้จากธุรกิจอาหารในปี 54 คงพลาดเป้าหมายที่ 4.5 พันล้านบาท โดยน่าจะลดลงประมาณ 10% เนื่องจากช่วงสถานการณ์น้ำท่วมส่งผลให้บริษัทสูญเสียโอกาสในการขายกว่า 200 ล้านบาท แต่ขณะนี้สาขาที่ปิดบริการชั่วคราวทั้ง 23 แห่งกลับมาเปิดให้บริการเป็นปกติครบทั้งหมดในวันนี้

บริษัทได้วางเป้าหมายในปี 55 รายได้จากธุรกิจอาหารเติบโตราว 30% จากปีนี้ โดยมีแผนเปิดแบรนด์ใหม่อีก 2-3 แบรนด์ ซึ่งจะทยอยเปิดตัวตั้งแต่ไตรมาส 1/55 และจะใช้งบลงทุนกว่า 450 ล้านบาทในการเปิดสาขาร้านใหม่อีก 30 สาขา

นายไพศาล อ่าวสถาพร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจอาหาร บมจ.โออิชิ กรุ๊ป (OISHI) กล่าวว่า รายได้จากธุรกิจอาหารในปี 54 คงต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ โดยเหลือเพียง 4.1-4.2 พันล้านบาท รับผลกระทบจากน้ำท่วมทำให้เสียโอกาสในการขาย เนื่องจากต้องปิดให้บริการร้านอาหารไปถึง 23 สาขา ซึ่งล่าสุดวันนี้กลับมาเปิดตามปกติแล้ว แต่ครัวกลางซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมนวนครยังไม่สามารถเข้าไปได้

"ตอนนี้เรายังไม่สามารถเข้าไปโรงงานที่นวนครได้ ครัวกลางเราก็อยู่ที่นั่น ตอนนี้ก็เหมือนกับ back to basic คือให้ร้านสาขาเป็นคนทำทุกอย่างเองทั้งหุ้งข้าว แร่ปลา ครัวกลางเราเปิดมา 8 ปี ยังไม่เคยสะดุด ถือเป็นโอกาสทดสอบความแข็งแกร่งของพนักงาน ผู้บริหาร และซัพพลายเออร์"นายไพศาล กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้จากธุรกิจร้านอาหารในปี 55 เติบโตราว 30% จากปีนี้ คาดว่าภาพรวมธุรกิจอาหารจะเริ่มกลับมาเติบโตและเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้งตั้งแต่ช่วงไตรมาส 1/55 ตามการใช้จ่ายและอารมณ์ในการซื้อสินค้าที่คาดว่าจะดีขึ้น หลังจากอัดอั้นมาตั้งแต่ไตรมาส 4/54 ประกอบกับวัตถุดิบต่างๆที่เคยขาดแคลนในช่วงน้ำท่วมก็น่าจะกลับมาเป็นปกติ

บริษัทมีแผนเปืดตัวแบรนด์ร้านอีก 2-3 แบรนด์ในปีหน้า คาดว่าจะเริ่มเปิดตัวได้ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 1/55 และมีแผนเปิดสาขาใหม่ของร้านอาหารแบรนด์เดิมอีก 30 สาขา ใช้งบลงทุนรวมกว่า 450 ล้านบาท แบ่งเป็นร้านชาบูชิ 15 สาขา, โออิชิ ราเมง 5 สาขา, โออิชิ เอ็กซ์เพรส 2 สาขา, ร้านปิ้งย่างนิกุยะ 5 สาขา และร้านอุด้งคะโซคุเต 3 สาขา

นายไพศาล กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจอาหารญี่ปุ่นในปี 55 น่าจะเติบโตได้ประมาณ 15% มูลค่าตลาดรวมอยู่ที่กว่า 1 หมื่นล้านบาท หลังมีคู่ค้าจากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ผู้ประกอบการในประเทศไทยก็หันมาเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น ทั้งนี้บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยอยู๋ที่ 35-36%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ