ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดดีดตัวขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคารและเหมืองแร่ หลังจากที่อัตราว่างงานของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 32 เดือน รวมถึงนักลงทุนมีความหวังมากขึ้นว่า ผู้นำยุโรปใกล้ที่จะได้ข้อสรุปเรื่องวิธีแก้ไขวิกฤตหนี้ภูมิภาคอย่างยั่งยืนและถาวร
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 62.95 จุด หรือ 1.2% แตะที่ 5,552.29 จุด ส่งผลให้ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีพุ่งขึ้นถึง 7.5% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2552 หลังจากที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นทั่วโลกได้รับปัจจัยหนุนจากการที่ธนาคารกลางชั้นนำหกแห่งประกาศมาตรการร่วมกันเพื่อทำให้การกู้ยืมในรูปสกุลเงินดอลลาร์มีความคล่องตัวมากขึ้น และจีนประกาศลดสัดส่วนการกันสำรองเงินสดครั้งแรกในรอบประมาณ 3 ปี
ขณะที่วานนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า อัตราว่างงานเดือนพ.ย.ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่าสองปีครึ่งที่ 8.6% จากระดับ 9% ในเดือนต.ค. ขณะที่ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนพ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 120,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่มขึ้น 100,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งข้อมูลล่าสุดนี้บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังค่อยๆปรับตัวขึ้นอย่างช้าๆ
ทั้งนี้ อัตราว่างงานเดือนพ.ย.ถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2552 ซึ่งเป็นช่วงที่วิกฤตการเงินทวีความรุนแรงสูงสุด และดีกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ 9% ขณะที่ตัวเลขจ้างงานเดือนที่แล้วสอดคล้องกับการคาดการณ์
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาความเคลื่อนไหวของสองแกนนำยูโรโซนอย่าง เยอรมนีและฝรั่งเศส ที่พยายามผลักดันให้ประเทศต่างๆในภูมิภาครวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากขึ้น เพื่อคลี่คลายวิกฤตหนี้และป้องกันไม่ให้กลับมาเกิดซ้ำอีก
นางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ย้ำถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์การคลังในยูโรโซน ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบงบประมาณ และกันธนาคารกลางยุโรปจากแรงกดดันทางการเมือง ด้านประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี ของฝรั่งเศส ก็เรียกร้องให้ทุกประเทศมีวินัยการคลังมากขึ้น และต้องการให้มีมาตรการลงโทษโดยอัตโนมัติต่อประเทศที่ฝ่าฝืนกฎ
หุ้นแบงก์ต่างปรับตัวขึ้น นำโดยบาร์เคลย์พุ่ง 7.6% ลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 5.8% และรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ บวก 5.3% โดยหุ้นอาร์บีเอสได้รับแรงหนุนหลังจากที่ธนาคารได้ขายธุรกิจ กาแล็กซี่ ผับ เอสเตท ให้กับ สกอตติช แอนด์ นิวซีแลนด์ ผับ โค ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของไฮเนเก้น เอ็นวี
หุ้นบริษัทสินค้าโภคภัณฑ์บวกขึ้นเช่นกัน หลังจากที่ราคาโลหะพื้นฐาน ได้แก่ ทองแดง ดีบุก นิกเกิล และสังกะสี ปรับตัวสูงขึ้นในการซื้อขายที่ตลาดลอนดอน โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน บริษัทเหมืองแร่รายใหญ่สุดของโลก บวก 4% แอนโทฟากัสตา เพิ่มขึ้น 2.5%