โบรกฯแนะ"ซื้อ"CKคาดปี55กำไร-ส่งบ.ย่อยเข้าตลาดฯ,เลื่อนไซยะบุรีกระทบสั้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday December 9, 2011 12:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          โบรกเกอร์           คำแนะนำ         ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          บล.ทรีนีตี้             ซื้อ                  9.00
          บล.ทิสโก้             ซื้อ                  9.10
          บล.ไอร่า             ซื้อเมื่อราคอ่อนตัว      10.00
          บล.เคจีไอ            ซื้อ                  9.50
          บล.ดีบีเอส            ซื้อ                  9.50
          บล.เกียรตินาคิน        ซื้อเก็งกำไร           9.40
          บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง    ซื้อเก็งกำไร           8.80

นายสุรชัย ประมวลเจริญกิจ นักวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ แนะรอดูในช่วงสั้นหุ้น CK จากปัจจุบันมีความไม่แน่นอนเรื่องโครงการไซยบุรี แต่ก็มองว่าเป็นเพียงการเลื่อนออกไปไม่ได้ยกเลิก ซึ่งมูลค่างานโครงการนี้สูงถึง 7.6 หมื่นล้านและเวลาก่อสร้างโครงการถึง 8 ปี ดังนั้น จึงยังคงไม่ได้รับผลในขณะนี้

อีกทั้งปัจจุบันบริษัทมีความคืบหน้ามากในการทำสัญญาต่างๆ คาดจะสามารถเซ็นสัญญา ทั้งจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว 1.4 หมื่นล้านบาท จะทำให้ Backlog เป็น 4.5 หมื่นล้านบาท จาก 3 หมื่นล้านบาท ถือว่าสูงมาก บวกกับในอนาคตจะมีการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของประเทศอีกมาก โดยคาดว่าโครงการที่จะพัฒนาและฟื้นฟูเกี่ยวกับการแก้ปัญหาน้ำจะช่วยเพิ่มงานให้กับ CK ในอนาคต จากแต่ละนิคมอุตสาหกรรมรัฐบาลจะให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อสร้างแนวคันกั้นน้ำเป็นคอนกรีต ซึ่งล่าสุด CK ได้งานสร้างคันคอนกรีตที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอินมูลค่า 700 ล้านบาท ซึ่งยังไม่ได้รวมใน Backlog แนวโน้มในอนาคตจะเติบโตสูง

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/54 จะยังน่าผิดหวัง แต่ปี 55 จะพลิกฟื้นซึ่งแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/54 คาดยอดรับรู้รายได้จากงานก่อสร้างจะประมาณ 1,800 ล้านบาท และมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานเล็กน้อยในปี 55 คาดผลการดำเนินงานจะพลิกฟื้น เนื่องจากมีงานในมือสูงถึง 1.2 แสนล้านบาท ทำให้ยอดรับรู้รายได้จากงานก่อสร้างในปี 55 จะเพิ่มขึ้น 49% เป็น 14,974 ล้านบาท และมีผลดำเนินงานปกติที่มีกำไรเท่ากับ 384 ล้านบาท เทียบกับปี 54 ที่ขาดทุนเท่ากับ 1,079 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.23 บาท

นอกจากนี้บริษัทมีมูลค่าเพิ่มจาก CK Power ซึ่งกำลังปรับโครงสร้างเตรียมเข้าตลาดปีหน้า

ด้านบทวิเคราะห์ บล.ไอร่า แนะ"ซื้อเมื่ออ่อนตัว"หุ้น CK โดยให้ราคาเป้าหมาย 10.00 บาท โดย CK มีแผนปรับโครงสร้างเงินลงทุนด้วยการขายหุ้นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจพลังงานให้กับ CK Power และมีแผนเพิ่มทุนจดทะเบียน CK Power จากปัจจุบัน 100 ล้านบาท เป็นประมาณ 9,200 ล้านบาทใน 1Q/55 จากนั้นจะนำเข้าจดทะเบียนใน SET ประมาณปลายปี 55

ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนขายเงินลงทุน โดยนอกเหนือจากเงินที่ได้จากการขาย SEAN เมื่อ 2 ไตรมาสที่ผ่านมา กว่า 3,000 ล้านบาท และมีแผนขายเงินลงทุนต่อเนื่องด้วยการลดสัดส่วนถือหุ้นให้เหลือประมาณ 30% เช่น Xayaburi Power, Bangkhenchai Co., Ltd และ Bangpa-in Cogeneration เป็นต้น คาดน่าจะเพียงพอต่อการเพิ่มทุนใน CK Power ตามสัดส่วนที่ถือหุ้นอยู่ 38% หรือประมาณ 3,500 ล้านบาท โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน CK

ส่วนการเลื่อนโครงการ"ไซยะบุรี"ส่งผลกระทบต่อ CK แต่ไม่ใช่ปัจจัยที่เหนือความคาดหมายของตลาด และส่วนใหญ่ไม่ได้รวมไว้ในประมาณการ คาดราคาหุ้นที่ปรับลดลง ยังเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน จากประเด็น (1) การลงนามสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ สัญญาที่ 1 มูลค่า 14,120 ล้านบาท คาดทำให้ Backlog เพิ่มขึ้นเป็น ประมาณ 44,000 ล้านบาท และ (2) การปรับโครงสร้างการลงทุน โดยเฉพาะธุรกิจพลังงาน และมีแผนนา CK Power เข้าจดทะเบียนใน SET ช่วงปลายปี55

ทั้งนี้ ยังคงคำแนะนำ ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว มีราคาเป้าหมาย 10.00 บาท อิง PBV 2.5X โดยมีประเด็นความเสี่ยงจากภาวะตลาดที่มีความผันผวน ราคาน้ามัน ราคาวัสดุก่อสร้าง และประเด็นทางการเมือง

เช่นเดียวกับบทวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ที่ยังคงแนะนำ"ซื้อ"หุ้น CK ที่ราคาเป้าหมาย 9.10 บาท แม้ว่ามีกรณีเลื่อนลงนามสัญญาก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าไซยะบุรี เพราะมองว่ามีผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น

การที่คณะกรรมการลุ่มแม่น้ำโขง (MRC) ซึ่งมีประเทศสมาชิกประกอบไปด้วย กัมพูชา, ลาว, ไทย และเวียดนาม เห็นชอบในหลักการที่จะทาบทามให้รัฐบาลญี่ปุ่นและพันธมิตรระหว่างประเทศอืน ๆ ศึกษารายละเอียดโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีเพิ่มเติมไม่ส่งผลกระทบต่อประมาณการผลประกอบการสำหรับปี 55 ที่มีสมมติฐานรับรู้รายได้จากโครงการนี้แค่ 5% หรือคิดเป็น 3.8 พันล้านบาท

เนื่องจาก CK ยังมีศักยภาพที่จะได้รับงานอื่นอีกมาก มีแผนที่จะเข้าร่วมประมูลโครงการใหม่ที่จะมีการเปิดประมูลในปีหน้าด้วย อาทิ รถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม(บางซื่อ-รังสิต)สัญญา 2 และ 3, รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม (แบริ่ง-สมุทรปราการ) สัญญา 2, รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม(หมอชิต-สะพานใหม่, รถไฟฟ้าสายสีม่วง สัญญา 6 (งานราง), รถไฟฟ้าสายสีม่วง, รถไฟฟ้าสายสีส้ม, วางระบบการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งเป็นโครงการหลังวิกฤติน้ำท่วม, การขยายสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 และโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำบาก 1 และ 2 แม้ข่าวนี้จะส่งผลเชิงลบต่อราคาหุ้นระยะสั้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ