สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 71,812 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวัน คือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขาย 63,487 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 88% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 6,673 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 2 ปี 10 ปี และ 12 ปี (LB133A LB21DA และ LB236A) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 2,521 ล้านบาท หรือคิดเป็น 38% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 674 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นกู้บ้านปู (BANPU184A) หุ้นกู้บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) (MBK163A) และหุ้นกู้ของบริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (QH143A) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 448 ล้านบาท หรือคิดเป็น 66% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 23,264 ล้าน กลุ่มนิติบุคคลในประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 5,474 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 6,783 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) ปรับตัวลดลงเล็กน้อย หรือเฉลี่ยแล้วปรับตัวลดลงประมาณ -1 ถึง -5 Basis Point ภาพรวมตลาดตราสารหนี้ไทยในวันนี้ค่อนข้างเงียบ เนื่องจากเป็นวันทำการสุดท้ายของสัปดาห์ นอกจากนี้ข่าวผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป มีมติว่าธนาคารกลางยุโรปไม่มีแผนซื้อพันธบัตรยุโรปเพิ่ม ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าโอกาสที่การประชุมสุดยอดผู้นำยุโรปในวันนี้จะยังไม่มีมาตรการที่เด็ดขาดออกมาเพื่อแก้ไขวิกฤตหนี้สาธารณะในขณะนี้
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดที่ 3.20% ปรับตัวลดลง 0.02% และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดที่ 3.09% ปรับตัวลดลง 0.02% จากวันก่อนหน้า