ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์พุ่ง 186.56 จุดรับอียูเพิ่มทุน IMF,คุมเข้มการคลัง

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday December 10, 2011 08:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (9 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า ที่ประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) มีมติให้ใช้บทบัญญัติด้านการคลัง ซึ่งมีเป้าหมายที่จะควบคุมการขาดดุลงบประมาณและการลุกลามของปัญหาหนี้สาธารณะ นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับข่าวที่ประชุมอียูมีมติเพิ่มทุนให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 186.56 จุด หรือ 1.55% ปิดที่ 12,184.26 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 20.84 จุด หรือ 1.69% ปิดที่ 1,255.19 จุด และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 50.47 จุด หรือ 1.94% ปิดที่ 2,646.85 จุด

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 1.4% ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้น 0.9% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 0.8%

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นขานรับมติของที่ประชุมสุดยอดผู้นำอียู ที่กำหนดให้มีการใช้บทบัญญัติทางการคลังฉบับใหม่ซึ่งตั้งอยู่บนสนธิสัญญาระหว่างรัฐบาลและการเพิ่มความแข็งแกร่งในการประสานนโยบายเศรษฐกิจในประเด็นที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน แทนการเปลี่ยนแปลงสนธิสัญญาของอียู โดยกำหนดว่าประเทศสมาชิกควรมียอดขาดดุลงบประมาณต่อปีไม่เกิน 0.5% ของจีดีพี ซึ่งมีเป้าหมายที่จะควบคุมการขาดดุลงบประมาณและการลุกลามของปัญหาหนี้สาธารณะ

อย่างไรก็ตาม อังกฤษปฏิเสธที่จะให้การสนับสนุนบทบัญญัตินี้ เนื่องจากอังกฤษต้องการคุ้มครองภาคการเงินภายในประเทศของตนเอง

นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับข่าวที่ประชุมอียูมีมติให้เพิ่มทุนมูลค่า 2 แสนล้านยูโรให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และร่นระยะเวลาการใช้กลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) ให้เร็วขึ้นจากเดิม 1 ปี โดยมีศักยภาพในการปล่อยเงินกู้ร่วมกันกับกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ในวงเงิน 5 แสนล้านยูโร

นางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีกล่าวว่า "นี่เป็นการบรรลุข้อตกลงเพื่อรักษาเสถียรภาพในภูมิภาค บทบัญญัติด้านการคลังจะนำไปสู่การพัฒนา 'สหภาพการคลัง' แบบค่อยเป็นค่อยไป และเราจะใช้วิกฤตให้เป็นโอกาสในการเริ่มต้นใหม่"

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนมากขึ้นเมื่อรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนธ.ค.ของสหรัฐ พุ่งขึ้นสู่ระดับ 67.7 จุด เมื่อเทียบกับช่วงท้ายเดือนพ.ย.ที่ระดับ 64.1 จุด ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ที่ 65.5 จุด และยังเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน หลังจากมีสัญญาณบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของตลาดแรงงานและแนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ

หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นแข็งแกร่งขานรับผลประชุมอียู โดยหุ้บแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 2.3% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ทะยานขึ้น 3% หุ้นซิตี้กรุ๊ปพุ่งขึ้น 3.7% และหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 3.1%

หุ้นเจนเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) พุ่งขึ้น 3.3% หลังจากบริษัทประกาศเพิ่มการจ่ายเงินปันผลรายไตรมาส อย่างไรก็ตาม หุ้นดูปองท์ และหุ้นเท็กซัส อินสตรูเมนท์ ร่วงลงกว่า 3% หลังจากทั้งสองบริษัทได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาส 4


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ