ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 ม.ค.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มประกันร่วงลงอย่างหนัก หลังจากต้นทุนการรับประกันการผิดนัดชำระหนี้ของสถาบันการเงินในยุโรปปรับตัวสูงขึ้น และต้นทุนการกู้ยืมของฝรั่งเศสพุ่งขึ้นในการประมูลขายพันธบัตรเมื่อวานนี้ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้เกิดความวิตกกังวลว่ารัฐบาลของประเทศยุโรปอาจประสบกับความยากลำบากในการควบคุมวิกฤตหนี้สาธารณะ
ดัชนี FTSE 100 ปิดลบ 44.19 จุด หรือ 0.8% แตะที่ 5,624.26 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเป็นไปอย่างซบเซา หลังจากข้อมูลของเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ระบุว่า ต้นทุนการรับประกันการผิดนัดชำระหนี้ของสถาบันการเงินในยุโรปปรับตัวสูงขึ้น โดยมาร์กิตเปิดเผยว่า ตราสาร CDS (credit default swap) ซึ่งเป็นตราสารอนุพันธ์ที่ใช้รับประกันการผิดนัดชำระหนี้ ของธนาคารและบริษัทประกัน 25 แห่งในยุโรป พุ่งขึ้น 0.17% แตะที่ 2.90%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า รัฐบาลฝรั่งเศสระดมทุนจากการขายพันธบัตรอายุ 10 ปีได้เพียง 4.02 พันล้านยูโรในการประมูลเมื่อวานนี้ ด้วยอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 3.29% เพิ่มขึ้นจากการประมูลครั้งก่อนที่ 3.18%
การพ่งขึ้นของต้นทุนการรับประกันการผิดนัดชำระหนี้ของธนาคารยุโรปได้ฉุดหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มร่วงลง โดยหุ้นธนาคารบาร์เคลย์สดิ่งลง 2.5% หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ (RBS) ร่วงลง 2.4% หุ้นเลกัล แอนด์ เจนเนอรัล ร่วงลง 2.2% และหุ้นเอวิวา ดิ่งลง 1.8%
อย่างไรก็ตาม หุ้นเออาร์เอ็ม ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิพสำหรับใช้ในสมาร์ทโฟนของแอปเปิล พุ่งขึ้น 2.6% หลังจากนักวิเคราะหของยูบีเอสปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นเออาร์เอ็ม และคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 4 ของเออาร์เอ็มจะออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้