นายฐากร ปิยะพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มงานลูกค้าบุคคล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) คาดว่าการโอนย้ายธุรกิจลูกค้ารายย่อย จากธนาคารฮ่องกงและเซียงไฮ้แบงกิ้งคอปอเรชั่น จำกัด ( HSBC ) จะแล้วเสร็จในช่วงปลายเดือนมี.ค 55 หลังจากที่ธนาคารได้เข้าซื้อพอร์ตมูลค่าเงินลงทุน 3,557 ล้านบาท หรือประมาณ 115 ล้านดอลล่าร์หสรัฐ
พอร์ตดังกล่าว มีทั้งธุรกิจบัตรเคดิต สินเชื่อบุคคล สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และธุรกิจเงินฝาก ซึ่งมีฐานลูกค้ารวม 5.5 แสนราย แบ่งเป็นลูกค้าบัตรเคดิต 5 แสนรายมูลค่าพอร์ต 1.3 หมื่นล้านบาท โดยการเข้าซื้อพอร์ตส่งผลให้สินทรัพย์ของธุรกิจรายย่อยเพิ่มขึ้น 2%
ทั้งนี้ในส่วนบัตรเคดิต ที่ธนาคารซื้อพอร์ตได้โอนให้ บริษัทบัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด ดูแล ส่วนสินเชื่อประเภทที่เหลือธนาคารจะเป็นผู้บริหารจัดการเอง
อย่างไรก็ตามการเข้าซื้อธุรกิจ HSBC ดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายธนาคารที่เน้นลงทุนในธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนสูง และส่งผลต่อการความแข็งแกร่ง และการเติบโตขึ้น โดยเฉพาะ ในส่วนบัตรเคดิต เป็นการต่อยอดฐานลูกค้าธนาคารเพิ่มขึ้น แต่ธนาคารยังใช้ตราบัตรเคดิต HSBC ก่อนในช่วง 6- 9 เดือนเพื่อให้ลูกค้าปรับตัว
ส่วนธุรกิจเงินฝาก ที่เป็นฐานลูกค้าเป็นระดับบน นั้นสอดคล้องกับแผนที่ธนาคารจะต้องมีการระดมเงินฝากที่เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับกฎเกณฑ์การปรับลดการคุ้มครองเงินฝากในเดือนส.ค 55 ขณะที่ทีมงาน HSBC ที่ดูแลลูกค้าระดับสูงนั้น จะมีการโอนย้านมาทำงานกับธนาคาร 30 -40 ราย
นายธาดา จารุกิจไพศาล กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด กล่าวว่า ตั้งเป้ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเพิ่มเป็น 8 หมื่นล้านบาทในปี 55 จากจำนวน 7 หมื่นล้านบาทในปี 54 และตั้งเป้ายอดบัตรใหม่ 1.1 แสนใบ จากสิ้นปีก่อนที่ 1 ล้านใบ
"ช่วงน้ำท่วมต.ค. -พ.ย. 54 ยอดใช้จ่ายบัตรเครดิตลดลงมาก แต่เดือนธ.ค 54 เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มียอดใช้จ่ายเพิ่มเป็น 8 พันล้านบาทต่อเดือน ซึ่งสูงกว่าระดับปกติ 7 พันล้านบาทต่อเดือน" นายธาดากล่าว