สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 59,297 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวัน คือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขาย 40,034 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 67% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 17,111 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 3 ปี 5 ปี และ 9 ปี (LB155A LB17OA และLB21DA) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 6,961 ล้านบาท หรือคิดเป็น 41% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 1,148 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นกู้ของ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) (AYCAL12OA) หุ้นกู้ของ บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC144A) และหุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT128A) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 841 ล้านบาท หรือคิดเป็น 73% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 8,177 ล้านบาท นักลงทุนกลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 603 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 3,008 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในทุกช่วงอายุของตราสาร หรือโดยเฉลี่ยแล้วปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 1 ถึง 5 Basis Point ภาพรวมของตลาดตราสารหนี้ในวันนี้นักลงทุนเริ่มมีแรงเทขายในตราสารอายุ 3 ปีขึ้นไป เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลในเรื่องผลการประชุม FATF กรณีประเทศไทยอาจถูกขึ้นแบล็กลิสต์ซึ่งจะต้องมีมาตรการเข้ามาดูแลในเรื่องของการนำเข้าและส่งออกเงิน หรือมีการเตื่อนการห้ามทำธุรกรรม
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดที่ 3.02% ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.01% และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดที่ 3.18% ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.01%