สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 52,116 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวัน คือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขาย 32,627 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 63% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 18,411 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 1 ปี 3 ปี และ 29 ปี (LB133A LB155A และLB416A) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 11,958 ล้านบาท หรือคิดเป็น 65% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 1,043 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นกู้บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) (MBK137A) หุ้นกู้บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)(SCC124A) และหุ้นกู้ของบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) (BH16DA) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 683 ล้านบาท หรือคิดเป็น 65% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 2,472 ล้านบาท นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 861 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 1,352 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย หรือโดยเฉลี่ยแล้วปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 1 ถึง 4 Basis Point ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นตามทิศทางของ Interest Rate Swap ในขณะที่ผลการประชุม FATF ในกรณีที่ประเทศไทยถูกขึ้นแบล็กลิสต์ ตลาดมองว่าจะไม่กรกะทบกับตลาดตราสารหนี้
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดที่ 3.01% ปรับตัวลดลง 0.01% และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดที่ 3.22% ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.04%