TK คาดปี 55 พอร์ทสินเชื่อโตไม่ต่ำกว่า 10% ตามสินเชื่อมอเตอร์ไซค์

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 27, 2012 10:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บมจ.ฐิติกร (TK) เชื่อมั่นว่าผลประกอบการปี 25 ครบรอบ 40 ปีจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องตามคาดการณ์ว่าตลาดรถจักรยานยนต์ในปีนี้จะทำสถิติใหม่ที่ 2.1 ล้านคัน ทำให้คาดว่าพอร์ทสินเชื่อรวมจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% เมื่อเปรียบเทียบกับการเติบโตของตลาดรถจักรยานยนต์ที่เติบโตประมาณ 5%

ทางด้านนายประพล พรประภา รองกรรมการผู้จัดการ TK กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันโรงงานผู้ผลิตรถจักรยานยนต์เริ่มเดินเครื่องผลิตได้แล้ว ประกอบกับรัฐบาลได้เร่งดำเนินนโยบายประชานิยมตามที่รัฐบาลได้รณรงค์ในช่วงหาเสียง ส่งผลให้กำลังซื้อโดยรวมของประชาชนเริ่มกลับมาอีกครั้งหนึ่ง

เพื่อเป็นการรองรับกำลังซื้อที่กลับมา TK ได้เปิดสาขาเพิ่มอีก 2 สาขาที่ เดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี และ เพชรบูรณ์ ทำให้ TK มีสาขามากถึง 80 สาขากระจายใน 46 จังหวัดทั่วประเทศ และ TK ยังจะเปิดสาขาเพิ่มเติมอีก 3 — 4 แห่งในปีนี้และพร้อมรับพนักงานเพิ่มอีก 350 ตำแหน่ง เพื่อรองรับการเติบโตของตลาด

“เราเชื่อมั่นว่าภายใต้แผนการขยายงานของเรานี้ จะทำให้สัดส่วนลูกค้ากรุงเทพฯ กับต่างจังหวัดในอีก 2-3 ปีข้างหน้า จะปรับเป็น 20:80 ตามยอดขายของรถจักรยานยนต์ จากปัจจุบันที่เรามีสัดส่วนอยู่ที่ 35:65" นายประพล กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 54 กำไรสุทธิเติบโต 17.1% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 53 ซึ่งถือเป็นยอดกำไรสูงสุดติดต่อกัน 2 ปีซ้อน โดยมีกำไรสุทธิ 624.7 ล้านบาท

ทั้งนี้ ผลกระทบน้ำท่วมใหญ่ในรอบ 50 ปี ทำให้โรงงานผู้ผลิตรถจักรยานยนต์หยุดผลิตเกือบทั้งไตรมาส 4/54 และกำลังซื้อหดตัวต่อเนื่องทำให้ TK ไม่สามารถขยายสินเชื่อได้ตามเป้าหมาย ทำให้สินเชื่อขยายตัวเพียง 8.8% อีกทั้งยังมีการตัดหนี้สูญและตั้งสำรองเพิ่มในช่วงไตรมาส 4/54 ทำให้สัดส่วนหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มเป็น 4.3% จาก 3.2% ในไตรมาส 3/54

อีกทั้ง TK ได้มีการปรับลดมูลค่าภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี (Deferred Tax Assets) ตามการเปลี่ยนแปลงของอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลใหม่ ที่จะเริ่มมีผลในปี 55-56 ในอัตราภาษีที่ร้อยละ 20 ส่งผลให้มีการบันทึกบัญชีเป็นค่าใช้จ่ายพิเศษในไตรมาส 4/54 ทั้งสิ้น 29.3 ล้านบาท

ในปี 54 TK มีรายได้รวม 3,694.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.1% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 53 ส่วนพอร์ตสินเชื่อสุทธิรวมเพิ่มขึ้นจาก 6,962.0 ล้านบาทในปี 2553 มาเป็น 7,576.3 ล้านบาท เมื่อปีที่แล้ว คิดเป็นอัตราเติบโต 8.8%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ