ตลาดหุ้นสหรัฐเปิดตลาดปรับตัวลงในวันนี้ หลังจากที่ประชุมกลุ่ม G20 ระบุว่า ยุโรปจำเป็นจะจัดสรรเงินเพิ่มขึ้นในการรับมือกับวิกฤตหนี้สาธารณะด้วยตนองก่อนที่จะขอความช่วยเหลือจากภายนอก นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่า ราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 24.22 จุด หรือ 0.19% แตะที่ 12,958.73 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 4.53 จุด หรือ 0.33% แตะที่ 1,361.21 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 17.90 จุด หรือ 0.60% แตะที่ 2,945.85 จุด
กลุ่มประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา 19 ประเทศ รวมทั้งสหภาพยุโรป (G20) ได้แจ้งต่อยุโรปว่า ยุโรปจำเป็นต้องจัดสรรเงินมากยิ่งขึ้นเพื่อนำมาใช้ในการแก้ไขวิกฤติหนี้สินของยุโรปก่อน ถ้าหากยุโรปต้องการจะได้รับความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากประเทศอื่นๆ โดยถ้อยแถลงนี้ถือเป็นการสร้างแรงกดดันต่อเยอรมนีให้ล้มเลิกการคัดค้านการขยายขนาดกองทุนคุ้มครองยุโรป
นอกจากนี้ กลุ่ม G20 ยังได้เลื่อนการตัดสินใจเรื่องการเพิ่มทุนทรัพย์ให้กับ IMF ออกไปเพราะต้องการรอดูผลการประชุมผู้นำ 17 ชาติสมาชิกยูโรโซนซึ่งจะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์นี้ ซึ่งที่ประชุมจะประเมินความแข็งแกร่งของกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ซึ่งมีวงเงิน 5 แสนล้านยูโร และกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพการเงิน (ESM) ซึ่งจะมาทำหน้าที่แทน EFSF ในวันข้างหน้า
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนม.ค.ในวันพรุ่งนี้ เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่ายอดสั่งซื้อสินค้าคงทนจะลดลง 0.1% ในเดือนม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 3.0% ในเดือนธ.ค. และคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด จะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ เดือนก.พ.ในวันพรุ่งนี้เวลา 22.00 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐจะอยู่ที่ 63.0 จุดในเดือนก.พ. เพิ่มขึ้นจาก 61.1 จุดในเดือนม.ค.