นางกมลวรรณ วิปุลากร กรรมการผุ้จัดการใหญ่ บมจ.ดิเอราวัณ กรุ๊ป (ERW) เปิดเผยว่า ในปี 55 บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมเติบโต 18% หรืออยู่ที่ 4.4 พันล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 3.75 พันล้านบาท แต่เฉพาะรายได้ธุรกิจโรงแรมคาดว่าเติบโต 20% อยู่ที่ 4.2 พันล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 3.5 พันล้านบาท
ส่วนกำไรจากการดำเนินงานคาดว่าเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน โดยธุรกิจโรงแรมคาดว่าเติบโต 40% จากปีก่อนที่มีกำไร 970 ล้านบาท โดยในปี 54 บริษัทมี EBITDA 1.6 พันล้านบาท เนื่องจากมีกำไรจากการขายอาคารเพลินจิตเซ็นเตอร์ ซึ่งบริษัทยังคงนโยบายการขายสินทรัพย์ที่ลงทุนเพื่อสร้างกำไรให้ผู้ถือหุ้น โดยในไตรมาส 3/55 คาดว่าจะสรุปขายโรงแรมต่างจังหวัด 1 แห่ง มูลค่าราว 1 พันล้านบาท เชื่อว่าจะมีกำไรจากการขายสินทรัพย์ดังกล่าวในระดับที่น่าพอใจ
สำหรับปี 55 บริษัทตั้งงบลงทุนจำนวน 1.3-1.7 พันล้านบาทเพื่อก่อสร้างโรงแรมใหม่และจัดซื้อที่ดิน โดยจะมีการสร้างโรงแรม 4 แห่งทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ภายใต้แบรนด์"เมอร์เคียว"และ"ไอบิส"ซึ่งบริษัทยังคงมีพื้นที่เป้าหมายที่กระบี่ ภูเก็ต พัทยา และกรุงเทพฯ เนื่องจากมีศักยภาพการเติบโตสูงของกลุ่มนักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศ มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอย่างต่อเนื่อง แตกต่างจากภาคเหนือและภาคอีสานที่การท่องเที่ยวจะเป็นไปตามฤดูกาล และอัตราเข้าพักระยะสั้น จึงไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน
ปีนี้อัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 78% จากปีก่อนอยู่ที่ 69% และอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยจะเพิ่มเป็น 1,860 บาท/ห้อง จากปีก่อนที่อยู่ 1,625 บาท/ห้อง หรือเพิ่มขึ้น 15% และจะมีจำนวนห้องพัก 3,553 ห้อง จากปีก่อนที่มี 3,353 ห้อง
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมปรับแผนการลงทุน 5 ปี (ปี 54-58) ที่ตั้งงบลงทุนรวม 8 พันล้านบาท จากเดิมที่เน้นการลงทุนในประเทศ แต่บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนในประเทศแถบอาเซียนเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) ซึ่งมีทั้งเวียดนาม ลาว และกัมพูชา คาดว่าหลังการศึกษาแล้วเสร็จจะมีการปรับแผนการลงทุนดังกล่าวต่อไป
อย่างไรก็ตาม ตามแผนการลงทุน 5 ปี เป็นการลงทุนเปิดโรงแรม 14 แห่ง เป็นโรงแรมระดับกลาง 4 แห่ง ระดับประหยัด 10 แห่ง ซึ่ง ณ สิ้นปี 54 บริษัทมีโรงแรมภายใต้การบริหาร 13 แห่ง และล่าสุด ม.ค.55 ได้เปิดโรงแรมใหม่ 1 แห่ง คือ โรงแรมไอบิส หัวหิน และคาดว่าปลายปี 55 จะเปิด 2 แห่ง คือ โรงแรมเมอร์เคียว สยาม และไอบิส สยาม
นางกมลวรรณ กล่าวภาพรวมธุรกิจท่องเที่ยวในปีนี้ คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะอยู่ที่ 20 ล้านคน จากปีก่อนที่มี 18.8 ล้านคน ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมในไทยมีอัตราการเติบโตตามไปด้วย รวมถึงมีการใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ทั้งรัสเซีย อินเดีย และจีน
ส่วนการท่องเที่ยวในประเทศของคนไทย คาดว่าจะมีจำนวนมากขึ้น โดยเป็นการเดินทางในระยะสั้นเนื่องจากปีนี้คนไทยมีรายได้ต่อหัวมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ