นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่าจากผลการดำเนินงานในปี 2554 ของบริษัทจดทะเบียน 74 บริษัท ในตลาดหลักทรัพย์ mai มีกำไรรวม 4,467 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.22% จากปีก่อน และมียอดขายรวมอยู่ที่ 81,925 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.63% โดยมีบริษัทที่มีกำไรสุทธิ 58 บริษัท คิดเป็น 78% ของบริษัทจดทะเบียนใน mai
ทั้งนี้ พบว่า 78% ของจำนวนบริษัทใน mai หรือ 58 บริษัท สามารถทำกำไรสุทธิ และ 81% หรือ 60 บริษัทที่มียอดขายเพิ่มขึ้น ในจำนวนนี้มี 8 บริษัทที่สามารถทำกำไรเติบโตได้เกิน 100% ได้แก่ บมจ. เชาว์ สตีลอินดัสทรี้ (CHOW) บมจ. ทรีซิกตี้ไฟว์ (TSF) บมจ. เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ (EARTH) บมจ. ไพลอน (PYLON) บมจ.ไฮโดรเท็ค (HYDRO) บมจ. ยูเนี่ยน อินทราโก้ (UIC) บมจ. ยัวซ่าแบตเตอรี่ ประเทศไทย (YUASA) และ บมจ.เอเชีย กรีน เอนเนอจี (AGE) และหากพิจารณาทั้งยอดขายและกำไรสุทธิประกอบกัน มีถึง 33 บริษัทที่มีทั้งยอดขายและกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาเฉพาะผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 4/54 เทียบกับงวดเดียวกันในปีก่อนหน้า พบว่า กำไรสุทธิรวมลดลงจาก 1,308 ล้านบาท เหลือ 1,190 ล้านบาท หรือลดลง 9.01% ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเล็กน้อยจาก 22.52% เป็น 20.48% เนื่องจากต้นทุนขายเพิ่มขึ้นและผลกระทบที่เกิดจากน้ำท่วม ทั้งนี้ แม้ว่ากำไรสุทธิรวมจะลดลง แต่มียอดขายรวมที่เพิ่มขึ้นจาก 17,353 ล้านบาท เป็น 20,578 ล้านบาท หรือเติบโตถึง 18.59%
ในด้านการจ่ายเงินปันผล ณ 2 มีนาคม 2555 พบว่ามี 44 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ประกาศจ่ายเงินปันผลแล้วรวม 2,195 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 18.68% จากปีก่อนหน้า คิดเป็นอัตราปันผลจ่าย 4.56% ทั้งนี้ แบ่งเป็นมูลค่าเงินสดจ่าย 2,015 ล้านบาท และมูลค่าหุ้นปันผลจ่าย 180 ล้านบาท โดยบริษัทที่มีอัตราเงินปันผลตอบแทนสูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ บมจ. ปิโก (ไทยแลนด์) (PICO) บมจ.มาสเตอร์ แอด (MACO) บมจ. ทาพาโก้ (TAPAC) บมจ. ควอลลีเทค (QLT) และ บมจ. ถิรไทย (TRT) นายชนิตรกล่าว
ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai 74 บริษัท ณ วันที่ 5 มีนาคม 2555 ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 297.36 จุด มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมอยู่ที่ 91,117.03 ล้านบาท