นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้บริษัทได้เปิดขาย 3 กองทุนตราสารหนี้ เพื่อเป็นทางเลือกการลงทุนที่เหมาะสม ประกอบด้วย
กองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 30 ( KTSUPB30) อายุ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท เป็นกองทุนที่ลงทุนตราสารในประเทศ ประกอบด้วย เงินฝาก ตั๋วแลกเงินบริษัทเอกชนไทย ในสัดส่วน 23% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ประกอบด้วย เงินฝากประจำ Union National Bank (UNB ) เงินฝากประจำ Abu Dhabi Commercial Bank (ADCB) MTN ของ Banco itau BBA S.A. (ITAUBBA) MTN ของ Banco itau BBA S.A (ITAUBBA) MTN ของ Banco Do Brasil ( BANBRA) ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.35% ต่อปี เสนอขาย วันที่ 14-20 มีนาคม 2555
กองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 3 เดือน 3 (KTSIV3M3) เสนอขายรอบใหม่ (Roll Over) วันที่ 12 -16 มีนาคม 2555 อายุโครงการ 3 เดือน เป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน เงินฝากและ ตราสารหนี้สถาบันการเงินในประเทศ ซึ่งประกอบด้วย พันธบัตรภาครัฐในประเทศ ธนาคารเกียรตินาคิน ธนาคารไอซีบีซี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกรุงไทย และตั๋วแลกเงินของภาคเอกชน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.90%ต่อปี
และ กองทุนเปิดกรุงไทยเอฟไอเอฟ เพิ่มค่า 2 (KTFP2) เสนอขายวันที่ 9-16 มีนาคม 2555 อายุ 12 เดือน มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ เงินฝากประจำ Abu Dhabi Commercial Bank (ADCB) ,เงินฝากประจำ Union Nation Bank (UNB) ,เงินฝากประจำ Bank of China (BOC) ,MTN ของ Banco itau BBA S.A. (ITAUBBA) ,MTN ของ Barclays Bank และCLN ออกโดย Deutche Bank AG (DB ) ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 4.00%ต่อปี ทั้งนี้กองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ จะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
นายสมชัย กล่าวอีกว่า ตลาดตราสารหนี้ของไทยยังคงมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา (Bear Steepening) จากแรงขายทำกำไรของนักลงทุน เพื่อปรับพอร์ตการลงทุนไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น ประกอบกับ การคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะคงตัวอยู่ที่ระดับ 3.00% ต่อปี ไปจนถึงครึ่งหลังของปี 2555 ทำให้การลงทุนในตราสารอายุที่ยาวขึ้นเริ่มน่าสนใจเมื่อพิจารณาจากส่วนต่างอัตราผลตอบแทนเทียบกับตราสารระยะสั้น
ส่วนของผลตอบแทนของเงินฝากและตราสารการเงินระยะสั้นของสถาบันการเงินไทย ยังมีการทยอยปรับลดลงหลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ส่วนหนึ่งเกิดจากการรับรู้ต้นทุนการเงินที่เพิ่มขึ้น หลังจากรัฐบาลมีนโยบายจะให้สถาบันการเงินต้องนำส่งเงินสมทบแก่กองทุนฟื้นฟูสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มว่าธนาคารพาณิชย์จะหันมาออกตราสารประเภทหุ้นกู้ระยะสั้นเพิ่มขึ้น ทดแทนการออกตั๋วแลกเงินซึ่งมีข้อจำกัดและต้นทุนการเงินเพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้
สำหรับแนวโน้มผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมา ยังมีการปรับลดลงจากกระแสเงินทุนไหลเข้าลงทุนในตราสารหนี้ในภูมิภาคเอเชีย และตลาดเกิดใหม่ต่างๆ ทั่วโลก ทำให้อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ลดลง รวมถึงการกลับมาแข็งค่าของเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ทำให้ดอลล่าร์พรีเมี่ยมมีโอกาสปรับลดลง อย่างไรก็ตาม โดยภาพรวม อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ต่างประเทศยังให้ผลตอบแทนในรูปสกุลเงินบาทภายหลังการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับการลงทุนในประเทศ