ตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนแรง หลังยอดขายบ้านใหม่สหรัฐร่วงสวนทางคาดการณ์

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงในวันนี้ หลังสหรัฐรายงานยอดขายบ้านใหม่ในเดือนก.พ.ที่ลดลง สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งสัญญาณถึงตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐที่ยังคงเผชิญสถานการณ์ที่ย่ำแย่

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อ่อนแรงลง 29.78 จุด หรือ 0.2% แตะที่ 13,016.36 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปรับลง 0.3% แตะที่ 1,388.57 จุด ณ เวลา 10.16 น.ตามเวลานิวอยอร์ก

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังอ่อนตัวลงท่ามกลางปัจจัยลบจากแนวโน้มการชะลอตัวทางเศรษฐกิจโลก แม้ว่ามีหลายบริษัทในสหรัฐรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่ง

ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ.ปรับตัวลดลง 1.6% แตะที่ 313,000 ยูนิต ขณะที่ยอดขายในเดือนม.ค.ถูกปรับลดลงสู่ระดับ 318,000 ยูนิต จากก่อนหน้านี้ที่ 321,000 ยูนิต ซึ่งการรายงานยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ.ในวันนี้ สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่ายอดขายบ้านใหม่จะอยู่ที่ 325,000 ยูนิต

รายงานยอดขายบ้านใหม่ที่ลดลงดังกล่าวนับเป็นข้อมูลที่น่าผิดหวังอีกตัวหนึ่งสำหรับตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านลดลง 1.1% ในเดือนก.พ. มาอยู่ที่ 698,000 ยูนิต เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ส่วนใหญ่ของนักวิเคราะห์ที่ว่าตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 700,000 ยูนิต แม้ว่าข้อมูลการขออนุญาตก่อสร้างที่พุ่งขึ้น 5.1% ในเดือนดังกล่าว

ส่วนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐได้รายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองลดลงผิดคาดในเดือนกุมภาพันธ์ โดยลดลง 0.9% แตะ 4.59 ล้านยูนิต ซึ่งสวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นแตะ 4.62 ล้านยูนิต ขณะที่สต็อกบ้านในตลาดเพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นว่าตลาดที่อยู่อาศัยต้องเผชิญกับการฟื้นตัวที่ยากลำบาก