ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (2 เม.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากภาคการผลิตของจีนและสหรัฐที่ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสามารถชดเชยปัจจัยลบจากรายงานที่ว่า ภาคการผลิตของยูโรโซนหดตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 ในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา
ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 5874.89 บวก 106.44 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,748.63-5,874.89 จุด
ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นลอนดอนร่วงลงหลังจากมาร์กิต อิโคโนมิกส์รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของยูโรโซน หดตัวลงแตะ 47.7 จุดในเดือนมีนาคม จาก 49 จุดในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นการหดตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8
แต่ตลาดเริ่มฟื้นตัวขึ้นในเวลาต่อมา เมื่อสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวขึ้นแตะ 53.4 จุดในเดือนมี.ค. จากระดับ 52.4 ในเดือนก.พ. ซึ่งสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 53 จุด
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานของสหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) ที่ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ ( PMI) ภาคการผลิตจีนอยู่ที่ระดับ 53.1 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่พุ่งขึ้นตามราคาทองแดงและนิกเกิลในตลาดโลก โดยหุ้นริโอทินโต ดีดตัวขึ้น 3.2% หุ้นเฟรสนิลโล พุ่งขึ้น 4.1% และหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน พุ่งขึ้น 3%
หุ้นเออาร์เอ็ม โฮลดิงส์ ซึ่งเป็นผู้ออกแบบชิพสำหรับใช้งานในผลิตภัณฑ์ iPhone ของบริษัท แอปเปิล อิงค์ พุ่งขึ้น 2.6% หลังจากหนังสือพิมพ์ซันเดย์ เทเลกราฟ รายงานว่า นายจอห์น บุชนาน รองประธานบริษัท โวดาโฟน กรุ๊ป จะลาออกจากโวดาโฟน เพื่อดำรงตำแหน่งประธานของเออาร์เอ็ม