ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 181.19 จุดหลังเฟดส่งสัญญาณตรึงดบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday April 13, 2012 06:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (12 เม.ย.) หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำ เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งข่าวดังกล่าวสามารถชดเชยปัจจัยลบจากตัวเลขว่างงานของสหรัฐที่พุ่งขึ้นอย่างเหนือความคาดหมายในรอบสัปดาห์ที่แล้ว

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 181.19 จุด หรือ 1.41% ปิดที่ 12,986.58 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 18.86 จุด หรือ 1.38% ปิดที่ 1,387.57 จุด และดัชนี Nasdaq ดีดขึ้น 39.09 จุด หรือ 1.30% ปิดที่ 3.055.55 จุด

ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นหลังจากนางเจเน็ท เยลเลน รองประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนายวิลเลียม ดั๊ดลีย์ ผู้ว่าการเฟดสาขานิวยอร์ก ส่งสัญญาณว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำ เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

นางเยลเลนได้กล่าวปกป้องนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำของเฟด โดยกล่าวว่านโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษของเฟดเป็นสิ่งที่เหมาะสมแล้ว เมื่อพิจารณาจากอัตราว่างงานที่ระดับสูงและภาวะเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญกับอุปสรรคท้าทาย พร้อมกับส่งสัญญาณว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rates) ไว้ที่ระดับใกล้ 0% ต่อไปจนถึงปลายปี 2557 เป็นอย่างน้อย

ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้น และสามารถชดเชยปัจจัยลบจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 7 เม.ย. เพิ่มขึ้น 13,000 ราย มาอยู่ที่ 380,000 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2555

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า ยอดขาดดุลการค้าและบริการของสหรัฐในเดือนก.พ. ร่วงลง 12.4% จากเดือนม.ค. สู่ระดับ 4.603 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 4 เดือน เนื่องจากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะยานยนต์และชิ้นส่วน ขณะที่การนำเข้าลดลง

ทั้งนี้ ยอดส่งออกสินค้าและบริการของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.1% ทำสถิติที่ 1.8116 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดนำเข้าร่วงลง 2.7% มาอยู่ที่ 2.2719 แสนล้านดอลลาร์ โดยราคานำเข้าน้ำมันดิบเฉลี่ยต่อบาร์เรลอยู่ที่ 103.63 ดอลลาร์ เทียบกับระดับ 103.81 ดอลลาร์ในเดือนม.ค.

หุ้นฮิวเลตต์-แพคการ์ด (เอชพี) พุ่งขึ้น 7.2% หลังจากการ์ทเนอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านไอทีเปิดเผยว่า เอชพีก้าวขึ้นเป็นผู้นำการส่งมอบพีซี โดยยอดการจัดส่งคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) ของเอชพี คิดเป็นสัดส่วน 17% ของทั่วโลกในช่วงไตรมาสแรกปีนี้

หุ้นกูเกิล อิงค์ พุ่งขึ้น 2.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาสแรกอยู่ที่ 10.08 ดอลลาร์ต่อหุ้น มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 9.64 ดอลลาร์ต่อหุ้น

หุ้นอัลโค อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอลูมิเนียมรายใหญ่สุดของสหรัฐ พุ่งขึ้น 2.7% หลังจากมีรายงานว่าอัลโคมีกำไรไตรมาสแรก 10 เซนต์ต่อหุ้น ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทคาดว่าจะขาดทุน 4 เซนต์ต่อหุ้น

หุ้นแคทเตอร์พิลลาร์ อิงค์ พุ่งขึ้น 4.6% ขณะที่หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ดีดขึ้น 1.9% และหุ้นเอทีแอนด์ที พุ่งขึ้น 1.3%

นักลงทุนจับตาดูผลประกอบการของบริษัทต่างๆในสหรัฐ โดยเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และธนาคารเวลส์ ฟาร์โก จะเปิดเผยผลประกอบการในวันนี้ตามเวลาไทย จากนั้นซิตี้กรุ๊ป อิงค์ จะเปิดเผยผลประกอบการในวันจันทร์ที่ 16 เม.ย. ตามด้วยโกลด์แมน แซคส์, แบงก์ ออฟ อเมริกา และมอร์แกน สแตนลีย์

กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค. ในวันนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไปจะเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมี.ค. และดัชนี CPI พื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานจะเพิ่มขึ้น 0.2%

นอกจากนี้ รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนเม.ย.ของสหรัฐในวันนี้เวลา 20.55 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐจะอยู่ที่ 76.2 จุดในช่วงต้นเดือนเม.ย. ไม่เปลี่ยนแปลงจากช่วงท้าย เดือนมี.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ