ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำสัปดาห์: มีมูลค่าการซื้อขายรวม 282,764 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 12, 2012 18:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (10 — 12 เมษายน 2555) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้มีมูลค่ารวมภาวะตลาดตราสารหนี้มีมูลค่ารวม 282,764 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 94,254 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ประมาณ 10% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 83% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 234,811 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ในขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 39,260 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 2,568 ล้านบาท หรือคิดเป็น 14% และ 1% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ

สำหรับพันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB21DA (อายุ 9.68 ปี), LB155A (อายุ 3.14 ปี) และ LB133A (อายุ 1 ปี) มีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 12,687 ล้านบาท 7,061 ล้านบาท และ 3,626 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนพันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือรุ่น CB12502A (อายุ 14 วัน), CB12712B (อายุ 91 วัน) และ CB12510C (อายุ 28 วัน) มูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 79,807 ล้านบาท 27,326 ล้านบาท และ 25,823 ล้านบาท ตามลำดับ

ทางด้านหุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกนั้น ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท เมอร์เซเดส — เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (MBTH12OA (AAA (tha))) มูลค่าการซื้อขาย 349 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) (AYCAL145A (A+)) มูลค่าการซื้อขาย 302 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) (GLOW194A (A)) มูลค่าการซื้อขาย 298 ล้านบาท

เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield Curve) ปรับตัวอยู่ในกรอบแคบๆ หรือโดยเฉลี่ยแล้วปรับตัวเพิ่มขึ้น / ลดลงในช่วง -5 ถึง 2 Basis Point (100 Basis point มีค่าเท่ากับ 1%) ซึ่งภาพรวมของตลาดตราสารหนี้ไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังถือว่าไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามากระทบตลาดมากนัก ประกอบกับเป็นวันหยุดต่อเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ นักลงทุนบางส่วนจึงเริ่มชะลอการลงทุน แต่อย่างไรก็ตาม การที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า เป็นผลมาจากแรงขายในพันธบัตรรุ่นเดิมที่นักลงทุนถืออยู่ เพื่อรอกลับเข้าซื้อพันธบัตรรุ่น Benchmark ที่มีการประมูลในช่วงกลางสัปดาห์ ในส่วนของอัตราผลตอบแทน (Yield) ของพันธบัตรที่ปรับตัวลดลงในตราสารอายุ 3 — 15 ปี ปรับตัวลดลง เนื่องจากมีอุปสงค์ในพันธบัตร (Demand) รุ่น Benchmark จากนักลงทุนโดยเฉพาะกลุ่มสถาบันการเงิน

ทางด้านสถานการณ์ในต่างประเทศ หลังจากที่ผลการประมูลพันธบัตรรัฐบาลสเปน ที่มีนักลงทุนสนใจเข้าประมูลค่อนข้างน้อย ซึ่งผลทำให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสเปนปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้น เป็นประเด็นให้นักลงทุนติดตามการประชุม IMF ที่จะมีขึ้นในวันที่ 20 — 22 เมษายนนี้ ว่าจะมีการเพิ่มวงเงินเข้ากองทุนให้ความช่วยเหลือสหภาพยุโรปอีกหรือไม่ นอกจากนี้ยังได้จับตาถึงการกำหนดนโยบานของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ว่าจะเข้าซื้อพันธบัตรในประเทศที่มีแนวโน้มว่าจะมีปัญหาเพิ่มเติมหรือไม่

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติมียอดซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้ไทยต่อเนื่องจากในสัปดาห์ก่อนหน้า โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติมียอด ซื้อสุทธิ 5,993 ล้านบาทในตลาดตราสารหนี้ และเป็นที่น่าสังเกตว่า ในมูลค่าการซื้อสุทธิทั้งหมดนี้ เป็นการซื้อในตราสารระยะยาว (มีอายุคงเหลือมากกว่า 1 ปี) กว่า 5,034 ล้านบาท ต่างจากการซื้อสุทธิในช่วงที่ผ่านมา ที่จะเน้นไปในตราสารระยะสั้น (มีอายุคงเหลือน้อยกว่า 1 ปี) เป็นหลัก จึงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไปว่าจะมีผลต่อตลาดตราสารหนี้ไทยในสัปดาห์ถัดๆ ไปอย่างไร


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ