ด้านนางบุษเรศ หยุ่นนิยม ผู้จัดการกองทุนอาวุโส บลจ.แอสเซท พลัส กล่าวว่า การที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงในช่วงนี้เป็นสถานการณ์ชั่วคราว แต่จากนี้ไปมองดัชนีมีโอกาสปรับขึ้นไปที่ 1,250-1,300 จุดในช่วงครึ่งปีหลัง จากเดิมที่เคยอยู่ระดับสูงสุดที่ 1,214 จุด เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังดี ขณะที่เศรษฐกิจยุโรปและสหรัฐมีความคืบหน้าการแก้ปัญหา
นอกจากนี้ บริษัทจดทะเบียน(บจ.)ทั้งของไทยและต่างประเทศยังมีผลประกอบการที่ดี โดยเฉพาะ บจ.ไทย โดยนักวิเคราะห์ต่างๆ คาดว่าจะมีกำไรสุทธิเติบโต 15% โดยในไตรมาส 1/55 จะมีอัตราการเติบโตมากสุด ขณะที่โกลแมนแซค มองกำไร บจ.ไทยเติบโต 25% เป็นอันดับ 3 รองจากเกาหลีและไต้หวัน ซึ่งสูงกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทย หากมองย้อนหลัง 5 ปีถูก discount จากปัญหาการเมือง แต่ บจ.ยังมีปัจจัยพื้นฐานเติบโตดี และมีปัจจัยเสริมจากการออกไปลงทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะธุรกิจอาหารหลายแห่งที่ซื้อกิจการในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม มองว่าต่างชาติจะยังชะลอการเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ เนื่องจากได้เข้ามาลงทุนค่อนข้างมากกว่า 8.2 หมื่นล้านบาทแล้ว เมื่อเทียบก่อนหน้าที่มีเม็ดเงินลงทุนสูงถึง 1 แสนล้านบาท แต่ก็ยังคงเห็นเม็ดเงินต่างชาติเข้าลงทุนในเอเซีย รวมถึงไทย
อนึ่ง วันนี้บริษัทได้เปิดกองทุนเปิด แอสเซท พลัส สตาร์ 2 เปิดขาย 19 เม.ย.-3 พ.ค.55 มีอายุโครงการ 18 เดือน เป็นกองทุนเน้นลงทุนในหุ้นต่างประเทศ 80% เลือกหุ้นที่มีชื่อเสียงในตลาดโลก กลุ่มที่น่าลงทุน คือ กลุ่มอุปกรณ์และเทคโนโลยีสื่อสาร เช่น แอปเปิ้ล กลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ คือ HSBC ที่เหลือเป็นกลุ่มยานยนต์ ซึ่งเป็นหุ้นที่โดดเด่น ตั้งเป้าผลตอบแทนการลงทุน 15-20% และกองทุนดังกล่าวมีการทยอยจ่ายคืนเงินปันผลให้นักลงทุน เมื่อ NAV ปรับขึ้นทุก 5%