ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: วิตกศก.ยูโรโซน,จีนชะลอตัว ฉุดตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 24, 2012 06:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (23 เม.ย.) หลังจากมีรายงานว่า ดัชนีภาคการผลิตของจีนและกลุ่มประเทศยูโรโซนหดตัวลง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข่าวการประกาศลาออกของนายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ อันเนื่องมาจากความล้มเหลวในการผลักดันมาตรการรัดเข็มขัดฉบับใหม่

ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 2.3% แตะที่ 251.75 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3098.37 จุด ร่วงลง 90.21 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 6523.00 จุด ลบ 227.12 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5665.57 จุด ลบ 106.58 จุด

ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจยูโรโซน หลังจากมาร์กิต อิโคโนมิคเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการของยูโรโซนหดตัวลง เนื่องจากยอดสั่งซื้อปรับตัวลดลง และการปลดพนักงานมากขึ้นได้ส่งผลกระทบทั้งภาคการผลิตและภาคบริการ

ทั้งนี้ ดัชนี PMI รวมในภาคการผลิตและภาคบริการของยูโรโซน ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนที่ 47.4 ในเดือนเม.ย. จาก 49.1 ในเดือนมี.ค. ซึ่งตัวเลขต่ำกว่าระดับ 50 ถือว่าอยู่ในภาวะหดตัว

ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อสำนักงานสถิติแห่งชาติของสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยว่า 17 ชาติสมาชิกยูโรโซนยังคงเผชิญกับความยากลำบากในการควบคุมหนี้ แม้ว่ารัฐบาลสามารถลดยอดขาดดุลงบประมาณลงมาอยู่ที่ระดับ 4.1% ของผลผลิตทางเศรษฐกิจในปี 2554 จากระดับ 6.2% ของจีดีพีในปี 2553 ก็ตาม

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับปัจจัยลบหลังจาก HSBC รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตจีนเบื้องต้น ฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 49.1 ในเดือนเม.ย. จาก 48.3 ในเดือน มี.ค. แต่ก็ยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งเป็นระดับที่บ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจหดตัวลงเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน

รวมทั้งข่าวที่ว่านายมาร์ค รัทเทอ นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศยุโรปที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์กรณีที่ไม่สามารถควบคุมการขาดดุลงบประมาณภายในประเทศ ได้ยื่นหนังสือลาออกต่อสมเด็จพระราชินีเบียทริซแล้วเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย หลังจากที่รัฐบาลไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับแผนการลดยอดขาดดุลงบประมาณให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของสหภาพยุโรป (อียู)

หุ้นอาร์เซลอร์มิททัล ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่สุดของโลก ดิ่งลง 5.3% หุ้นเวแดนต้า รีซอสเซส ร่วงลง 5.7% และหุ้นอันโตฟากัสต้า ร่วงลง 3.2%

หุ้นอิริคสัน เอบี ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายไร้สายรายใหญ่ของยุโรป ร่วงลง 4.4% หุ้นเอสทีไมโครอิเล็กทริกส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเซมิคอนดัคเตอร์รายใหญ่สุดของยุโรป ร่วงลง 14%

หุ้นไอเอ็นจี ซึ่งเป็นผู้ให้บริการการเงินรายใหญ่ของเนเธอร์แลนด์ ดิ่งลง 6.1% หุ้นดอยช์ แบงก์ ร่วงลง 4.4%

อย่างไรก็ตาม หุ้นเคเบิล แอนด์ ไวร์เลส พุ่งขึ้น 12% หลังจากโวดาโฟนตกลงซื้อกิจการเคเบิล แอนด์ ไวร์เลส เป็นวงเงินมูลค่า 1.04 พันล้านปอนด์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ