ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (4 พ.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดการณ์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 168.32 จุด หรือ 1.27% ปิดที่ 13,038.27 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับลง 22.47 จุด หรือ 1.61% ปิดที่ 1,369.10 จุด ดัชนี Nasdaq ร่วงลง 67.96 จุด หรือ 2.25% ปิดที่ 2,956.34 จุด
หุ้นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือหุ้นกลุ่มพลังงาน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ลงอาจส่งกระทบต่ออุปทานน้ำมัน
สำหรับตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 1.44% ดัชนี S&P 500 ลดลง 2.44% และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 3.68%
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 115,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 160,000-170,000 ตำแหน่งโดยประมาณ ขณะที่อัตราว่างงานลดลงแตะที่ระดับ 8.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 39 เดือน เทียบกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะทรงตัวที่ 8.2%
ตัวเลขจ้างงานเดือนเม.ย.นับว่าน้อยที่สุดในรอบ 6 เดือน หลังจากที่เพิ่มขึ้น 154,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นตัวเลขที่ได้รับการปรับทบทวนขึ้นจากระดับ 120,000 ตำแหน่งในรายงานเบื้องต้น
การเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่เพิ่มขึ้นน้อยเกินคาดอาจยิ่งเพิ่มความวิตกกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของตลาดแรงงานและแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากที่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ADP Employer Services ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานในสหรัฐ เพิ่งเปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 119,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 170,000 — 177,000 ตำแหน่งโดยประมาณ
ผลสำรวจของ ADP รวบรวมเฉพาะการจ้างงานในภาคเอกชน ขณะที่ข้อมูลการจ้างงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐครอบคลุมการจ้างงานภาครัฐด้วย
นอกจากนั้นแล้ว นักลงทุนยังกังวลเรื่องการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสในวันอาทิตย์นี้ รวมถึงสภาพเศรษฐกิจยุโรปโดยรวม เนื่องจากยุโรปยังไม่สามารถทำให้วิกฤตหนี้สิ้นสุดลงได้ ขณะเดียวกันประชาชนก็ต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาล