ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 พ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการที่นางแองเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ได้แสดงท่าทีขานรับนายฟรองซัวร์ ออลลองด์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของฝรั่งเศส ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมืองในยุโรป
ดัชนี Stoxx Europe 600 Index พุ่งขึ้น 0.7% ปิดที่ 254.83 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3,214.22 จุด เพิ่มขึ้น 52.25 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 6,569.48 จุด เพิ่มขึ้น 8.01 จุด
นายฟรองซัวส์ ออลลองด์ จากพรรคสังคมนิยมคว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีของฝรั่งเศส เฉือนชนะคู่แข่งอย่างประธานาธิบดีนิโคลาส์ ซาร์โกซีไปแบบขาดลอย เนื่องจากประชาชนชาวฝรั่งเศสผิดหวังต่อการบริหารระบบเศรษฐกิจของนายซาร์โกซี
หลังจากนั้นไม่นาน นายกรัฐมนตรีแมร์เคลของเยอรมนีได้ออกมาแสดงความยินดีกับชัยชนะของนายออลลองด์ โดยย้ำว่า เธอเปิดกว้างต้อนรับนายออลลองด์อย่างเต็มที่ พร้อมกับย้ำว่า ทั้ง 2 ประเทศจะร่วมมือกันในการแก้ปัญหาวิกฤตหนี้ยูโรโซนต่อไป
หุ้นธนาคารบีเอ็นพี พาริบาส์ และหุ้นโซซิเอเต เจนเนอราลของฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 4.2% และ 4% ตามลำดับ ขณะที่หุ้นธนาคารยูนิเครดิต และธนาคารอินเทซา ซานเปาโลของอิตาลี พุ่งขึ้น 5.6% และ 3.9% ตามลำดับ
หุ้นธนาคารบังโค ซานตานเดร์ ของสเปน ทะยานขึ้น 4.7% และหุ้นธนาคารบังโค บิลเบา วิซคายา อาร์เจนตาเรีย ดีดตัวขึ้น 5.4%
หุ้นแอร์ ฟรานซ์-เคแอลเอ็ม พุ่งขึ้น 6.6% หลังจากเครดิตสวิส ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าวขึ้นสู่ระดับ neutral จากระดับ underperform
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างวันนั้น ตลาดหุ้นยุโรปเคลื่อนตัวผันผวน หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 115,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 160,000-170,000 ตำแหน่งโดยประมาณ
การเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่เพิ่มขึ้นน้อยเกินคาดในครั้งนี้ อาจยิ่งเพิ่มความวิตกกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของตลาดแรงงานและแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐที่ปกคลุมตลาดอยู่แล้วในเวลานี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ADP Employer Services ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานในสหรัฐ เพิ่งเปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 119,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 170,000 — 177,000 ตำแหน่งโดยประมาณ