บมจ.ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ (TUF) คาดว่ารายได้และกำไรในปี 55 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% เนื่องจากความต้องการของตลาดยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ประกอบกับ เงินบาทอ่อนค่าช่วยสนับสนุนการส่งออก ขณะที่บริษัทเตรียมปรับขึ้นราคาส่งออกสินค้าอีก 2-4% เพื่อให้สอดคล้องต้นทุนที่สูงขึ้นด้วย
ส่วนการซื้อกิจการใหม่เพิ่มเติมนั้น ทางบริษัทยังคงเดินหน้าตามแผนงาน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของบริษัทอยู่แล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
"ปี 55 คาดว่ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% โดยกำไรสุทธิจะเติบโตในทิศทางเดียวกัน ปีนี้ด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆก็ยังดี ดีมานด์ก็ยังดีอยู่ ค่าเงินบาทอ่อนลงเล็กน้อย ช่วยให้การดำเนินงานเป็นไปในทิศทางที่ดี"นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหาร TUF กล่าว
สำหรับการลงทุนใน บมจ.แพ็คฟู้ด(PPC) ที่บริษัทเข้าถือหุ้น 45% จะมีการรวมบัญชีกำไรขาดทุนตั้งแต่ไตรมาส 2/55 เป็นต้นไปเมื่อรวมกันทำให้กำลังการผลิตของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 20% ของการส่งออกกุ้งแช่แข็งของไทย ขณะที่การเพิ่มทุนของบริษัทนั้น เงินที่ระดมทุนได้จะนำไปชำระหนี้ และจะทำให้อัตราหนี้สินต่อทุนลดลงเหลือต่ำกว่า 0.8 เท่า
นายธีรพงศ์ กล่าวว่า ต้นทุนที่สูงขึ้นจากค่าแรงและวัตถุดิบที่สูงขึ้นทำให้ต้นทุนโดยรวมปรับสูงขึ้นประมาณ 4% แต่จากการที่บริษัทได้มีการปรับตัวตั้งแต่ปีก่อน ด้วยการลดต้นทุนการผลิตและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ทำให้ได้รับผลกระทบไม่มากนัก แต่ในปีนี้บริษัทเตรียมปรับขึ้นราคาสินค้าส่งออกอีก 2-4% เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ส่วนสินค้าในประเทศยังไม่มีการปรับขึ้นราคาในขณะนี้
ด้านราคาวัตถุดิบของบริษัทขึ้นอยู่กับฤดูกาล โดยราคาทูน่ายังทรงตัวที่ 2,200 เหรียญ/ตัน ส่วนราคากุ้ง ราคาอ่อนตัวลงเนื่องจากซัพพลายทั่วโลกมีมากขึ้น