(เพิ่มเติม) DRT คาดรายได้ปี 55 คงโตแค่ 10%เชื่อกำไรยังสูงขึ้น,เตรียมแผนขยายการผลิต

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 29, 2012 11:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร(DRT) เชื่อว่ารายได้ในปี 55 คงจะเติบโตได้แค่ 10% เป็นอย่างมาก แม้จะเคยคาดว่าอาจจะโตได้มากกว่านั้น แต่ขณะนี้ภาวะตลาดก่อสร้างหลังน้ำท่วมผ่านพ้นไปไม่ได้ดีเท่าที่ประเมินไว้ แต่อย่างไรก็ตาม กำไรในปีนี้น่าจะสูงกว่าปีก่อนตามกำลังผลิตที่เพิ่มขึ้น และบริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ในระดับเดิมได้ แม้ว่าต้นทุนจะเพิ่มขึ้น ขณะที่บริษัทยังเตรียมแผนที่จะขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีข้อสรุปการตั้งโรงงานแห่งใหม่ในต่างจังหวัดภายในไตรมาส 3/55

ทั้งนี้ แม้ว่าในปีนี้บริษัทจะมีภาระต้องลงทุนถึงประมาณ 800 ล้านบาท แต่บริษัทตั้งเป้าที่จะรักษาระดับการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในระดับเดิมให้ได้

นายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการ ผู้จัดการสายการขายและการตลาด DRT กล่าวว่า ช่วงไตรมาส 2/55 ภาวะตลาดวัสดุก่อสร้างไม่ดีอย่างที่คาด เนื่องจากเป็นช่วง low season ซึ่งมีฝนตก รวมทั้งการซ่อมบำรุงบ้านที่ประสบปัญหาน้ำท่วมยังต้องรอความชัดเจนว่าประชาชนจะซ่อมบ้านหรือไม่จากเงินที่รัฐบาลเริ่มชดเชย

"ไตรมาส 2 คงออกมาไม่ดีนัก ตลาดไม่บูมอย่างที่เราคิดและยังเจอฝนอีก ปีนี้คงตั้งเป้าการเติบโตของรายได้เอาไว้แค่ 10% จากเดิมโตไม่ต่ำกว่า 10% เพราะมีหลายอย่างต้องรอลุ้นทั้งการซ่อมแซมบ้านหลังน้ำท่วม ส่วนค่าแรงจะชดเชยกับภาษีที่บริษัทจ่ายน้อยลงได้" นายสาธิต กล่าว

อย่างไรก็ตาม บริษัทเชื่อว่าปีนี้ยังคงเติบโตจากปีก่อนได้เพราะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 7.52 แสนตัน จากการเพิ่มกำลังการผลิตไลน์ที่ 10 และเริ่มเห็นในช่วง มิ.ย.นี้ นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงงานผลิตอิฐมวลเบาใน จ.สระบุรีคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในต้นปี 56

สำหรับการลงทุนปี 55 วางงบลงทุนไว้ 800 ล้านบาท ส่วนหนึ่งใช้ในการลงทุนอิฐมวลเบา ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการพิจารณาลงทุนเพิ่มเติมเพื่อสร้างโรงงานในต่างจังหวัด เป็นโรงงานกระเบื้องและไฟเบอร์ซีเมนต์ คาดว่าจะได้ข้อสรุปชัดเจนในไตรมาส 3/55 รวมถึงการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศเพื่อรองรับการเปิดเสรีอาเซียน จากเดิมที่ขายสินค้าเพียงอย่างเดียวก็อาจพิจารณาตั้งโรงงานด้วย

นายสาธิต กล่าวอีกว่า แม้บริษัทจะมีการลงทุนจำนวนมาก แต่ก็ยังคงนโยบายจ่ายปันผลต่อเนื่องปีละ 2 ครั้ง นโยบายจ่าย 50% ของกำไรสุทธิ ซึ่งที่ผ่านมาก็จ่ายเฉลี่ยสูงกว่า 50% โดยจ่ายสูงถึง 70% ของกำไรสุทธิ ทั้งนี้ บริษัทยังมีโอกาสในการกู้เงินเพิ่มเติมได้อีกเนื่องจากปัจจุบันสัดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)อยู่ที่ 0.4 เท่า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ