บลจ.ธนชาตเ เสนอขายกองทุนเปิดธนชาตชาเลนจ์ (T-Challenge) ในวันที่ 5-14 มิ.ย.55 กองทุนสามารถลงทุนได้ทั้งในตราสารแห่งทุน และหรือตราสารทางการเงินอื่นๆ และหรือตราสารหนี้ ตามสัดส่วนการลงทุนและจังหวะตลาดที่เหมาะสม กองทุนจะมีอายุ 1 ปี หรือต่ำกว่า 1 ปี หากเกิดเหตุตามเงื่อนไขการเลิกกองทุน คือ เมื่อกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุนตั้งแต่ 10.91 บาท ขึ้นไป เป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกัน
ทั้งนี้ บลจ.ธนชาต คาดว่าตลาดหุ้นจะผันผวนไปอีกระยหนึ่ง ซึ่งในช่วงดัชนีแกว่งตัวเช่นนี้ ควรเก็บหุ้นแกร่ง มีคุณภาพ โดยเลือกลงทุนในหุ้นดีที่ราคาตก มีโอกาสดีดกลับแรง หรือหุ้นที่ผู้ลงทุนอยากลงทุนตั้งแต่ดัชนี 1,200 เพราะจะเพิ่มโอกาสทำกำไรในภาวะตลาดแกว่งตัวเช่นปัจจุบัน
นายวีระพล สิมะโรจน์ ผู้จัดการกองทุนอาวุโส กลุ่มตราสารทุน บลจ. ธนชาต เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นปัจจุบันค่อนข้างผันผวนจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะปัญหาที่ว่ากรีซจะออกจากกลุ่มยูโรหรือไม่ และปัญหาสถาบันการเงินในสเปน ทำให้นักลงทุนลดความเสี่ยงจากสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก และย้ายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยกว่าเป็นการชั่วคราว อย่างไรก็ตาม ปัญหาในยุโรปเป็นปัญหาที่ทุกประเทศทั่วโลกรับทราบและตื่นตัวในการเตรียมการป้องกัน
ดังนั้น จึงมีโอกาสที่รัฐบาลหรือธนาคารชาติของทั่วโลกจะออกมาตรการช่วยเหลือในจังหวะที่เหมาะสมได้ ซึ่งหากความเสี่ยงข้างต้นคลี่คลายลง จะทำให้นักลงทุนหันกลับมาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง เนื่องจากสภาพคล่องในตลาดโลกยังมีอยู่สูง และอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกส่วนใหญ่อยู่ในระดับต่ำ
นายวีระพล กล่าวว่า การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงในจังหวะที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มผลตอบแทนการลงทุนได้ ซึ่งเมื่อนักลงทุนหันกลับมาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียจะเป็นตลาดหุ้นหลักที่นักลงทุนให้ความสนใจ เนื่องจากเป็นภูมิภาคที่อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดี และเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมีความมั่นคง
ขณะที่ไทยเป็นประเทศที่นักลงทุนให้ความสนใจมากในช่วงนี้ เนื่องจากมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง โดยคาดว่าจะสูงถึง 5-6% และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนก็มีอัตราการเติบโตที่สูงเช่นกัน คือประมาณ 23% ในปี 55 และ 13% ในปี 56 จากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งภายในประเทศหลังภาวะน้ำท่วมใหญ่ และการลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 23%
จากความไม่แน่นอนดังกล่าว ส่งผลให้ตลาดมีการแกว่งตัวค่อนข้างสูง และราคาหุ้นได้ปรับตัวลงมาอยู่ในระดับที่น่าสนใจคือ ค่า PER ของตลาดอยู่ที่ประมาณ 11.5 เท่าในปี 2555 และ 10.0 เท่าในปี 56 ซึ่งนับว่าเป็นจุดที่น่าลงทุน