RPC ยื่นขอศาลฯเพิกถอนคำสั่งระงับจ่ายปันผล-เปิดทางผู้ถือหุ้นฟ้องร้อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 15, 2012 17:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางศิรพร กฤษณกาญจน์ ผู้จัดการใหญ่ บมจ.ระยองเพียวริฟายเออร์ (RPC) เปิดเผย"อินโฟเควสท์"ถึงกรณีที่ศาลแพ่งได้มีคำสั่งให้ระงับการจ่ายเงินปันผลจำนวน 498,078,015.26 บาทให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 15 มิ.ย.ว่า บริษัทยื่นขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว และอยู่ระหว่างเปิดรับข้อร้องเรียนจากผู้ถือหุ้นทุกรายจากกรณีดังกล่าวในฐานะที่เป็นผู้เสียหาย เพื่อเป็นมูลเหตุแห่งการฟ้องร้อง

*คำสั่งของศาลฯ มีผลอย่างไร

"เมื่อเช้าผู้ถือหุ้นก็สอบถามมาเยอะว่า ว่าเขาจะได้รับไหม จะได้รับเมื่อไร ตรงนี้เป็นคำสั่งของศาลฯ...บริษัทไม่สามารถไปตัดสินเป็นอย่างอื่นได้ เราต้องปฏิบัติตาม ถ้าจะจ่ายได้ ศาลก็ต้องมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น เราก็เลยไปขอให้ศาลพิจารณาเพิกถอน ถ้าเพิกถอนได้ เราถึงจะจ่ายได้ เพราะเงินทั้งหมดได้ถูกเตรียมไว้หมดแล้ว ซึ่งเท่าที่เราทราบ TSD จะต้องคืนเงินกลับมาที่บริษัทฯ"

"ศาลไม่ให้จ่ายเงินปันผลอย่างเดียว ไม่เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจ เราเข้าใจผู้ถือหุ้นรายย่อยเหมือนกัน เพราะทุกคนก็คาดหวังเงินปันผล เมื่อเป็นแบบนี้เราไม่สามารถแจ้งใครได้ทันเลย ทำได้แต่แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ เพราะที่ประชุมผู้ถือหุ้นก็ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลตรงนี้แล้ว ดังนั้นเราคงจะต้องเก็บเงินปันผลก้อนนี้ไว้ เพื่อจ่ายเงินปันผล เมื่อศาลฯมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

ความเดือดร้อนต่าง ๆ ของผู้ถือหุ้น เราก็เข้าใจ และเราก็พร้อมรับฟังความเดือดร้อนของผู้ถือหุ้น ด้วยการให้บอกกล่าวคำเดือดร้อนผ่านเข้ามาทางเวปไซต์ของเรา เพื่อจะเป็นมูลเหตุการฟ้องร้อง แต่การฟ้องร้องจะต้องเป็นผู้เสียหาย ซึ่งครั้งนี้ผู้เสียหายคือผู้ถือหุ้น ทางบริษัทฯทำตามคำสั่งศาล ผู้ถือหุ้นมีสิทธิ์ที่จะฟ้อง แต่ถามว่าผู้ถือหุ้นจะฟ้องใคร เพราะทางบริษัทฯทำตามคำสั่งศาลฯ การไม่จ่ายเงินครั้งนี้ไม่ใช่มติของบอร์ด ถ้าฟ้องเราก็มีความเห็นว่าจะต้องร้องเรียนไปที่ก.ล.ต. เพราะทำอย่างนี้ทำให้ผู้ถือหุ้นเดือดร้อน แต่อยู่ที่ทางตลาดหลักทรัพย์จะมองยังไงด้วย"

*ที่มาของคำสั่งระงับการจ่ายเงินปันผล

"เมื่อวานนี้ตอนค่ำบริษัทฯได้รับแจ้งทางศาลฯว่าให้ระงับการจ่ายเงินปันผล ทางศูนย์รับฝากฯ(TSD)ก็ได้รับแจ้งจากทางศาลเหมือนกัน ซึ่งทางปตท.มีคดีฟ้องร้องในขั้นอนุญาโตตุลาการอยู่กรณีที่บริษัทค้างชำระค่าวัตถุดิบมูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาทด้วยเหตุตรงนี้ทาง ปตท.เลยขอให้ศาลสั่งระงับการจ่ายปันผล โดยปตท.ก็ให้เหตุผลแต่เพียงว่ามีคดีอยู่ที่อนุญาโตตุลาการ แต่การระงับครั้งนี้เป็นการคุ้มครองชั่วคราวฉุกเฉิน เพราะฉะนั้นเราจะไม่ได้รับแจ้งเลยว่ามีคดีตรงนี้ เป็นการดำเนินการฝ่ายเดียวของปตท.ตอนนี้ที่ทำได้คือให้ทนายไปคัดตัวคำร้องออกมา เพราะเรายังไม่ได้รับ แล้วก็ให้ทนายไปขอเพิกถอนคำสั่งตัวนี้ เพื่อให้จ่ายปันผลได้"

"ที่จริงตรงจำนวน 1,500 ล้านบาท ที่บริษัทฯค้างชำระค่าวัตถุดิบกับปตท.นั้น เรามีสิทธิ์ที่จะยึดหน่วงไว้เพื่อชดเชยความเสียหายที่เราฟ้องร้องปตท.อยู่ถึง 13,000 ล้านบาท เพราะเทียบกับแล้วมันน้อยนิดมาก"

*ความคืบหน้าของคดีความที่ RPC ฟ้องเรียกค่าเสียหาย PTT

"ตอนนี้คดีที่เราฟ้องร้องปตท. 13,000 ล้านบาทเกี่ยวกับการหยุดส่งวัตถุดิบนั้นยังอยู่ที่อนุญาโตตุลาการ และได้มีการนัดครั้งแรกวันที่ 5 กรกฎาคมนี้ ซึ่งทางเราได้มีการตั้งอนุญาโตตุลาการฝ่ายเราแล้ว ทางปตท.ก็ได้มีการตั้งของเขาแล้ว แล้วก็มีการตั้งประธานอนุญาโตตุลาการเรียบร้อยแล้ว งั้นก็เรียกว่าพร้อมแล้ว แต่ทีนี้กว่าจะนัดใช้เวลานานมาก และก็ยังไม่รู้ว่าจะมีการประชุมตรงนี้อีกนานเท่าไร และนานแค่ไหน"

*ธุรกิจใหม่ที่จะมาทดแทนธุรกิจเดิม

"ผลการดำเนินงานในปีนี้ก็คงจะลำบากมาก เพราะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับปตท.ตรงนี้จนเป็นคดี เป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯเลยประมาณ 80% ของบริษัทฯ ซึ่งตอนนี้เราก็กำลังมองธุรกิจอย่างอื่นที่เข้ามาช่วยเสริมตรงนี้ได้ แต่มันคงจะไม่เร็ว และไม่เยอะเหมือนธุรกิจดั้งเดิมที่เรามีอยู่ เพราะความเสียหายของบริษัทสูงมาก ธุรกิจที่มองอยู่เรื่องพลังงานทดแทน พวกต้นน้ำ อย่างที่มองก็โซลาร์เซล คือเราสนใจทำโซลาร์ฟาร์ม แต่ขณะนี้ทางราชการยังไม่ได้เปิดให้ซื้อขายไฟเพิ่มเติม

ดังนั้นเราก็มองธุรกิจเหมืองแร่ก่อน ซึ่งเป็นต้นทางมาก ๆ และใช้เงินลงทุนไม่มาก ซึ่งเป็นแร่ควอทซ์ ส่วนด้านอื่นก็มีการมองด้านเทรดดิ้งน้ำมันอยู่ ซึ่งเรามองมานานแล้ว แต่ดีลยังไม่เริ่มเท่านั้น ตอนนี้บริษัทฯได้ไปตั้งบริษัทในฮ่องกงแล้ว เตรียมทำเทรดดิ้งน้ำมันหรือเคมีต่างๆ ที่บริษัทฯมีความรู้อยู่ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มดำเนินการ ซึ่งเป็นบริษัทที่ RPC ถือหุ้น 100% เลย และตอนนี้มีชื่อบริษัท RPC GLOBAL แต่ก็ต้องใช้เวลาในการทำผลกำไรเหมือนกัน"

*กำลังเจรจาขาย 2 โรงกลั่นมูลค่าราว 1,800 ลบ.

"เนื่องจากโรงงานของเราจะต้องรับวัตถุดิบที่มาจากปตท.เพราะฉะนั้นยากที่จะไปสั่งอย่างอื่น เราจะพยายาม แต่ว่าอยู่ที่กระบวนการผลิต และต้องเพิ่มเติมอีกเยอะเหมือนกัน ซึ่งตรงนี้ Investment มันสูงมาก เราก็เลยคิดว่าจะขายโรงกลั่น ซึ่งเราก็มีเสนอขายไปหลายคน แต่ก็มีคนสนใจอยู่ 2-3 รายที่กำลังเจรจาอยู่ ซึ่งก็ยังไม่จบ เราอยากจะให้จบเร็วที่สุด โดยโรงกลั่นที่จะขายเป็นไบโอดีเซลและดีเซล รวมแล้วก็มีมูลค่าประมาณ 1,800 ล้านบาท"

*ผลการดำเนินงานปีนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง

"ปีนี้ผลการดำเนินงานของบริษัทคงจะลำบากนิดหนึ่ง ถ้ารายได้จากธุรกิจใหม่ยังเข้ามาไม่ทัน หรือไม่ cover เท่าไร แต่เราก็พยายามลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ โดยตอนนี้ก็มีการลดพนักงานลงไปแล้วเหลือกว่า 40 คน จากเดิมที่มีพนักงาน 200-300 คน ซึ่งเราก็พยายามที่จะทำให้เกิดผลขาดทุนให้น้อยที่สุด และพยายามที่จะสร้างรายได้จากแหล่งต่าง ๆ ให้ได้โดยเร็ว"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ