ทริสฯ จัดอันดับเครดิตองค์กร CNS ที่ระดับ BBB+ แนวโน้ม Stable

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 21, 2012 17:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศผลการจัดอันดับเครดิตองค์กรของ บล.โนมูระ พัฒนสิน (CNS) ที่ระดับ “BBB+" ด้วยแนวโน้ม “Stable" หรือ “คงที่"

อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์และมีแนวทางการบริหารงานที่ระมัดระวัง ตลอดจนการมีฐานเงินทุนขนาดใหญ่ และการได้รับการสนับสนุนในด้านต่าง ๆ จากกลุ่มโนมูระ ซึ่งรวมถึงการมีส่วนได้ใช้ชื่อ “โนมูระ"’ นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงแผนในการขยายสาขาในต่างจังหวัดในระยะหลังโดยมีความร่วมมือกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ด้วย

อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตยังมีข้อจำกัดจากสภาวะแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจที่การแข่งขันทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นและภาวะตลาดหุ้นไทยที่ยังมีความผันผวนอยู่มาก อีกทั้งยังมีความไม่แน่นอนที่เกิดจากการเปิดเสรีค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์อย่างเต็มรูปแบบที่เริ่มต้นในปี 2555 นี้

ขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงรักษาแนวทางในการดำเนินธุรกิจที่ระมัดระวังและได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มโนมูระต่อไป นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถสร้างส่วนแบ่งทางการตลาดให้แข็งแกร่งจากการขยายสาขา อีกทั้งจะยังคงไว้ซึ่งระบบจัดการความเสี่ยงที่เพียงพอเพื่อใช้ควบคุมความเสี่ยงด้านเครดิตจากการให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์

ทริสเรทติ้งรายงานว่า CNS มีส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่ไม่สูงมากนักแต่ก็อยู่ในระดับที่ค่อนข้างคงที่ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา การแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงขึ้นภายหลังการบังคับใช้อัตราค่าธรรมเนียมแบบขั้นบันไดทำให้ส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทลดลงเล็กน้อยในปี 2553 แต่บริษัทก็เริ่มมีส่วนแบ่งที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2554 โดยเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 2.6% ในปี 2554 จาก 2.4% ในปี 2553 ส่วนธุรกิจนายหน้าซื้อขายตราสารอนุพันธ์นั้นบริษัทยังคงมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ต่ำอยู่ที่ 1.4% ในปี 2554 ก่อนหน้านี้ CNS มีสำนักงานสาขาเพียงไม่กี่แห่งโดยสาขาทั้งหมดตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯ แต่ในปี 2554 ที่ผ่านมา บริษัทได้ขยายสาขาไปยังต่างจังหวัดเป็นครั้งแรกด้วยความร่วมมือกับ ธพว.ทั้งนี้ วัตถุประสงค์หลักของการขยายสาขาคือการดึงดูดเงินลงทุนจากนักลงทุนในต่างจังหวัดเพื่อขยายธุรกิจตัวแทนซื้อขายหน่วยลงทุนของบริษัท ตลอดจนเป็นการขยายฐานลูกค้ารายย่อยในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์

นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งหวังที่จะมีโอกาสให้บริการด้านวาณิชธนกิจแก่ลูกค้าของ ธพว. ด้วย โดยกลยุทธ์ดังกล่าวอาจต้องใช้เวลาเป็นปีกว่าจะเห็นผลตอบแทนที่ชัดเจนจากการขยายธุรกิจในครั้งนี้ แต่เนื่องจากต้นทุนในการเปิดสาขาใหม่และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานนั้นค่อนข้างต่ำ ความเสี่ยงที่บริษัทจะได้รับความเสียหายจากการขยายสาขาจึงมีไม่มาก

นอกเหนือจากสิทธิประโยชน์ที่ได้จากการใช้ชื่อโนมูระแล้ว CNS ยังได้รับประโยชน์จากการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มโนมูระซึ่งทำให้บริษัทได้รับยอดการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ต่อเนื่องจากเครือข่ายของโนมูระทั่วโลก โดยประมาณ 5% ของรายได้ค่านายหน้าธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทได้มาจากช่องทางนี้ และบริษัทในกลุ่มยังมีความร่วมมือระหว่างกันในด้านงานวิจัยซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้แก่ผลงานวิจัยของบริษัทด้วย บริษัทได้ทำสัญญาให้บริการทางการเงินในด้านต่าง ๆ กับบริษัทหลายแห่งในกลุ่ม ซึ่งรายได้จากการให้บริการตามสัญญาเหล่านี้นับว่าเป็นส่วนสำคัญของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการของบริษัท

CNS มีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ไม่มากนักเนื่องจากบริษัทไม่มีนโยบายการลงทุนเพื่อบัญชีของบริษัทในลักษณะเพื่อการเก็งกำไร ในส่วนของความเสี่ยงด้านเครดิตจากการให้สินเชื่อนั้น บริษัทมีประวัติผลงานที่ดีเยี่ยมในการควบคุมความเสี่ยงจากการให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ กล่าวคือ แทบจะไม่มีความสูญเสียจากการให้สินเชื่อดังกล่าวเลยตลอด 10 ปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ยอดการให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะหลังนี้อาจเป็นประเด็นที่ต้องระมัดระวังในแง่การบริหารจัดการความเสี่ยง ยอดการให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2554 ของบริษัทอยู่ที่ 2.8 พันล้านบาท เทียบกับ 1.9 พันล้านบาท และ 0.8 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนเดียวกันของปี 2553 และ 2552 ตามลำดับ ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะยังคงสามารถควบคุมความเสี่ยงด้านเครดิตในส่วนนี้ได้ต่อไปโดยใช้เกณฑ์การเรียกหลักประกันเพิ่มและการบังคับขายที่เข้มงวด รวมทั้งยังคงนโยบายการกำหนดเกณฑ์ของหลักประกันที่เคร่งครัด

CNS มีวงเงินสินเชื่อรวมที่สูงพอสมควรจากสถาบันการเงินหลายแห่ง ซึ่งเพียงพอที่จะใช้ขยายการให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ตามแผนของบริษัทรวมไปถึงตอบสนองต่อความต้องการสภาพคล่องในขณะใดขณะหนึ่งของบริษัทได้ ในจำนวนวงเงินสินเชื่อทั้งหมดดังกล่าวมีส่วนที่บริษัทได้รับจากบริษัทร่วมแห่งหนึ่งในกลุ่มโนมูระในสัดส่วนที่มีนัยสำคัญ

กำไรสุทธิของ CNS เพิ่มขึ้นเป็น 217 ล้านบาทในปีบัญชี 2554 คิดเป็นเกือบ 2 เท่าของกำไรสุทธิจำนวน 117 ล้านบาทในปีบัญชี 2553 อันเป็นผลสืบเนื่องจากปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้นในตลาดหลักทรัพย์เป็นสำคัญ รายได้รวมของบริษัทเพิ่มขึ้น 35% เป็น 1,004 ล้านบาทในปีบัญชี 2554 จาก 742 ล้านบาทในปีบัญชี 2553 บริษัทสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้อยู่ในระดับที่ไม่สูงเกินไปและมีความสามารถในการทำกำไรในระดับที่เทียบเคียงได้กับคู่แข่งที่มีขนาดใกล้เคียงกัน

ส่วนของผู้ถือหุ้นของ CNS อยู่ที่ประมาณ 3.6 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2554 ซึ่งทำให้บริษัทจัดอยู่ในกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ที่มีฐานเงินทุนใหญ่ 10 อันดับแรก บริษัทมีอัตราส่วนเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิต่อหนี้สินทั่วไปในระดับที่สูงมาอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2554 อยู่ที่ 195% ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าเกณฑ์ 7% ตามที่ทางการกำหนด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ