(เพิ่มเติม) KMC บวก 2.8% เทรดคึกคัก ผู้บริหารจะนำแผนขายหุ้น PP เข้าบอร์ด 25 มิ.ย.

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 22, 2012 12:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น KMC บวก 2.78% มาอยู่ที่ 0.37 บาท เพิ่มขึ้น 0.01 บาท มูลค่าซื้อขาย 42.02 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.36 น. โดยเปิดตลาดที่ 0.36 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 0.38 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 0.36 บาท

ผู้บริหาร บมจ.กฤษดามหานคร(KMC) เปิดเผยว่า ฝ่ายบริหารเตรียมนำแผนเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 2 พันล้านหุ้น ให้นักลงทุนเฉพาะเจาะจง(PP)บรรจุเข้าเป็นวาระการพิจารณาของที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทวันที่ 25 มิ.ย.นี้ คาดว่าจะสามารถระดมทุนได้กว่า 800 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้ซื้อที่ดินเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ ๆ ในอนาคต โดยราคาเสนอขายจะไม่ต่ำกว่า 10% ของราคาเฉลี่ยย้อนหลัง 7 วันหลังมีมติ คาดว่าจะขายหุ้นเพิ่มทุนได้ภายในช่วงไตรมาส 3/55

นายวิรัตน์ เอี้ยวอักษร รักษาการกรรมการผู้จัดการ KMC เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ฝ่ายบริหารเตรียมนำแผนเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับนักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง(PP) จำนวน 2 พันล้านหุ้น บรรจุเข้าเป็นวาระเพื่อให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทพิจารณาในวันจันทร์ที่ 25 มิ.ย.นี้ โดยเบื้องต้นคาดว่าจะมีการขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับนักลงทุนทั่วไปที่อยู่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และน่าจะระดมทุนได้กว่า 800 ล้านบาท ซึ่งในส่วนของราคาขายนั้นจะไม่ต่ำกว่า 10% ของราคาเฉลี่ยย้อนหลัง 7 วัน หลังที่ประชุมฯมีมติ

"วันจันทร์หน้า(25 มิ.ย.) จะมีการประชุมบอร์ด ซึ่งจะมีการพิจารณาวาระเรื่องการเพิ่มทุนด้วย ก็น่าจะได้ข้อสรุปว่าจะขายให้ใคร อาจะเป็นสถาบันหรือบุคคลทั่วไปที่สนใจก็ได้ แต่ก่อนหน้านี้ก็พอทราบจากผู้ใหญ่มาว่าน่าจะอยู่ในธุรกิจอสังหาฯ แต่สุดท้ายแล้วจะตัดสินใจอย่างไรก็ต้องรอผลประชุมอีกที"นายวิรัตน์ กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะขายหุ้นเพิ่มทุนได้ภายในช่วงไตรมาส 3/55 สำหรับเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนในครั้งนี้บริษัทจะนำไปใช้ซื้อที่ดินเพื่อรองรับการขยายกิจการในอนาคต โดยปีนี้บริษัทมีแผนเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียม The Kris ที่ซอยรัชดาฯ17 อีก 2 อาคาร มูลค่าขายรวม 800 ล้านบาท ภายในปลายไตรมาส 3/55 นี้ ส่วนโครงการแนวราบก็มีเปิดขายอยู่ 3 โครงการ และในปี 56 บริษัทก็มีแผนพัฒนาโครงการใหม่ๆ ทั้งคอนโดมิเนียม Low Rise ในสัดส่วน 70% และโครงการแนวราบในพื้นที่ CBD ที่ไม่ถูกน้ำท่วม 30%

สำหรับยอดขายในช่วงไตรมาส 2/55 ก็ถือว่าเป็นไปตามเป้าหมาย แต่บริษัทฯก็ยังมีภาระที่จะต้องจ่ายดอกเบี้ยค่อนข้างมาก ซึ่งน่าจะทำให้ผลประกอบการในปี 55 จะยังคงขาดทุน แต่หวังว่าบริษัทจะสามารถกลับมามีกำไรสุทธิได้ในปี 56

"ถ้าปีนี้เรามีเงินและเปิดโครงการได้และสามารถขายได้ ปีหน้าเราก็น่าจะกลับมามีกำไร ก็พอมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์"นายวิรัตน์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ