คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) ออกคำสั่งให้บมจ.กสท.โทรคมนาคม (กสท.) แก้ไขสัญญาที่ทำไว้กับกลุ่มบมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการโทรศัทพ์เคลื่อนที่รูปแบบใหม่บนคลื่นความถี่ 800 MHz จำนวน 6 ฉบับที่ลงวันที่ 27 มกราคม 2554 ซึ่งเป็นการตกลงที่ทำขึ้นเพื่อรองรับการยกเลิกสัญญาการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ CDMA มาสู่การให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ HSPA
คณะกรรมการ กสทช.พิจารณาเห็นว่า กรณีดังกล่าว เป็นการกระทำที่ครบองค์ประกอบตามมาตรา 46 แห่งพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 เนื่องจากการทำสัญญาดังกล่าว เป็นการดำเนินในส่วนของ Radio Network และในทางปฏิบัติ บมจ.กสท โทรคมนาคม ซึ่งเป็นผู้จัดสรรคลื่นความถี่ไม่สามารถควบคุมการใช้งานได้คลื่นความถี่และรับผิดชอบต่อการกระทำต่างๆที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับคลื่นความถี่และความรับผิดชอบต่อการกระทำต่างๆที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับคลื่นความถี่ได้อย่างสมบูรณ์
ดังนั้น จึงมีคำสั่งให้ บมจ.กสท โทรคมนาคม ในฐานะผู้ได้รับจัดสรรรคลื่นความถี่ ปฏิบัติให้ถูกต้องตามมาตรา 46 ของพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ ฯโดยดำเนินการเพือให้มีการแก้ไขข้อสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รูปแบบใหม่บนคลื่นความถี่ 800 MHz ดังนี้
1.กสท.ต้องสามารถนำคลื่นความถี่ย่าน 800 MHz (Band V) ไปใช้กับเครื่องและอุปกรณ์ของตนเองหรือของบริษัทอื่นได้ จึงให้แก้ไขสัญญาเช่าเครื่องและอุปกรณ์วิทยุคมนาคม เพื่อให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ HSPA ระหว่าง กสท. กับ บริษัท บีเอฟเคที (ประเทศไทย) ลงวันที่ 27 มกราคม 2554 ให้ชัดเจน
2.กสท.ต้องรัดดำเนินการให้ตนเองสามารถควบคุมดูแล และบริหารจัดการคลื่นความถี่ได้อย่างสมบูรณ์ผ่าน network operation center (NOC) จึงให้เพิ่มเติมข้อกำหนดในสัญญาเช่าเครื่องและอุปกรณ์วิทยุคมนาคม เพื่อให้บริการโทรศัทพ์เคลื่อนที่ในระบบ HSPA ในส่วนที่เกี่ยวกับ NOC ให้ชัดเจน ว่าให้ตั้งอยู่ในพื้นที่บริษัท กสท. สามารถเข้าถึงและควบคุมได้อย่างสมบูรณ์ รวมทั้งแก้ไขปรับปรุงให้ กสท.เข้าไปในถสานที่ของบริษัท บีเอฟเคทีฯซึ่งติดตั้งเครื่องและอุปกรณ์และเสาโทรคมนาคม ที่ให้เช่าได้
3. กสท.ต้องเร่งรัดดำเนินการให้ตนเองสามารถเข้าถึงข้อมูลการใช้งาน (call detail record (CDR)) เพื่อการควบคุมดูแลและบริหารจัดการคลื่นความถี่ ด้วยตนเองอย่างสมบูรณ์ จึงให้แก้ไขเพิ่มเติมสัญญา เช่าเครื่องและอุปกรณ์วิทยุคมนาคม เพื่อให้การบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ HSPA ระหว่าง กสท. กับ บีเอฟเคที ฯ และแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาบริการขายส่งบริการบนโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ HSPA ระหว่าง กสท. กับ บริษัท เรียลมูฟ จำกัด
4. กสท.ต้องเร่งรัดดำเนินการให้อำนาจของคณะกรรมการรควบคุมการปฏิบัติงาน (Operation Supervision Committee) ตามสัญญามีความชัดเจน โดยแสดงให้เห็นถึงอำนาจในการบริหารจัดการคลื่นความถี่ของตนเองโดยชัดแจ้ง
5. กสท. ต้องเร่งดำเนินการให้ตนเองเป็นผู้ควบคุมและบริหารจัดการคลื่นความถี่ ด้วยตนเองอย่างสมบูรณ์ผ่านกระบวนการสร้างและการจัดหาความจุดของบริษัท บีเอฟเคทีฯ โดยรวมถึง frequency planning , network roll-out และ network operation
6. กสท.ต้องเร่งดำเนินการให้เป็นผู้ควบคุมและบริหารจัดการคลื่นความถี่ด้วยตนเองอย่างสมบรูรณ์ผ่านการเจรจาการให้บริการข้ามโครงข่ายภายในประเทศ (inbound domestice roaming) และการเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคมกับผู้ประกอบการรายอื่น
ทั้งนี้ ให้ กสท. ดำเนินการให้มีการแก้ไขข้อสัญญาให้สอดคล้องกับมาตรา 46 ของพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ ฯ และให้ตรวจสอบเงื่อนไขข้อตกลงอื่นๆในสัญญา รวมถึงใบอนุญาตต่างๆที่เกี่ยวข้อง ในการดำเนินการและให้บริการตามสัญญาว่าครบถ้วนและถูกต้องตามกฎหมายและให้รายงานผลการดำเนินการต่อคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำสั่ง