แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ของวันพรุ่งนี้จะมีการประชุม 2 เรื่อง ได้แก่ การพิจารณาการขอขยายอายุการใช้คลื่นความถี่ที่หมดอายุการอนุญาต อาทิ คลื่น 800 เมกะเฮิร์ตซ (tank radio) ของบมจ.กสท โทรคมนาคม (CAT) ที่การอนุญาตใช้คลื่นความถี่หมดอายุตั้งแต่ 31 ม.ค.51 และคลื่นความถี่ 2.4 กิกะเฮิร์ตซ ของบมจ.ทีโอที (TOT) ที่การอนุญาตใช้คลื่นความถี่หมดอายุตั้งแต่ มิ.ย.54 ในส่วนของการใช้งานอินเทอร์เน็ต ขณะที่การให้บริการโทรศัพท์ทางไกลชนบทยังไม่หมดอายุการอนุญาต
ด้าน น.พ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กสทช.ด้านคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวว่า ตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 ระบุว่า การนำคลื่นความถี่ไปประกอบกิจการในเชิงพาณิชย์ต้องประมูลเท่านั้น ดังนั้น กสทช. จึงไม่สามารถขยายอายุการใช้คลื่นความถี่ได้เพราะผิดกฎหมาย
ทางออกของปัญหานี้คือการคืนคลื่นให้ กสทช. แล้วกสทช.จัดประมูล ซึ่งการจัดประมูลอาจจัดขึ้นก่อนที่อายุใบอนุญาตและอายุสัมปทานการใช้คลื่นความถี่จะหมดลง โดยไม่ต้องจัดประมูลใหญ่โต แต่ทำให้การใช้งานเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับวาระที่ 2 คือ การพิจารณาคัดเลือกจังหวัดนำร่องเพื่อจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม (USO) ด้วยวิธีประมูลใน 2 จังหวัด คือ จ.พิษณุโลก และจ.หนองคาย โดยเป็นวาระขอความเห็นชอบจากที่ประชุม กทค.
ทั้งนี้ การใช้วิธีประมูลเพื่อติดตั้งอุปกรณ์โทรคมนาคมตามแผนยูโซถือว่าเป็นการใช้วิธีประมูลครั้งแรก โดยการคัดเลือกจังหวัดนำร่องจะดูที่ความพ้อมของเอกชนที่จะเข้าร่วมประมูลและความพร้อมของประชาชนในการใช้งาน สำหรับแผนการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคมตลอด 5 ปี (พ.ศ.2555-2559) กสทช.จะใช้งบประมาณ 20,000 ล้านบาทในการดำเนินงาน
ก่อนหน้านี้การจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม กสทช. จะให้เอกชนดำเนินงานติดตั้งโครงข่ายและให้บริการภายใต้งบประมาณ 4% ของรายได้ แต่จากนี้กสทช.จะให้เอกชนส่งรายได้ในส่วนที่จะใช้ดำเนินงานยูโซเข้ามาในกองทุน โดยที่กสทช.จะเป็นผู้ดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์โทรคมนาคมเพื่อให้บริการสาธารณะแก่ประชาชนเอง