โบรกฯแนะ"ซื้อ"KTB ลุ้นกำไรพุ่งสูงสุดใน Q2-สินเชื่อทั้งปีอาจโตทะลุเป้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 10, 2012 11:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์แนะนำให้ลงทุนหุ้นธนาคารกรุงไทย(KTB)มองแนวโน้มกำไรในไตรมาส 2/55 เติบโตดีตามการขยายตัวของสินเชื่อ แม้ว่า NIM ในไตรมาสนี้จะแคบลง ทั้งนี้ โบรกฯบางแห่งคาดว่าอาจได้เห็นการทำกำไรสูงสุดของ KTB ในไตรมาส 2/55 ที่ 6.78 พันล้านบาท ขณะที่คาดว่าในปี 55 สินเชื่อจะขยายตัวเกินกว่าเป้าหมายที่ธนาคารตั้งไว้ว่าจะเติบโตในระดับ 5-7% หลังจากครึ่งปีแรกสินเชื่อขยายตัวได้สูงถึง 4.6%

อย่างไรก็ดี ความไม่ชัดเจนของแผนการบริหารเงินกองทุนของธนาคารยังส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่าจะมีการเพิ่มทุนหรือไม่ แม้ว่าผู้บริหารจะยืนยันว่าไม่มีแผนเพิ่มทุนในเร็ว ๆ นี้ก็ตาม ขณะที่ราคาหุ้นยัง laggard และมี Valuation ถูกที่สุดในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่

          โบรกเกอร์         คำแนะนำ      ราคาเป้าหมาย(บาท)
          บล.กรุงศรีอยุธยา    เก็งกำไร         19.75
          บล.เอเชีย พลัส       ซื้อ            21.63
          บล.ฟินันเซีย ไซรัส     ซื้อ            20.20
          บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง   ซื้อ            20.50
          บล.เคจีไอ           ซื้อ            20.90
          บล.ไอร่า            ซื้อ            20.40
          บล.เกียรตินาคิน       ซื้อ            21.70
          บล.ฟิลลิป            ซื้อ            20.75
          บล.โกลเบล็ก         ซื้อ            23.00

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ภาพรวม KTB ในปีนี้มีทิศทางค่อนข้างดี คาดว่ากำไรไตรมาส 2/55 คาดว่าเติบโตกว่าไตรมาส 2/54 เนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อ, ค่าธรรมเนียมและกำไรจากการซื้อขายแลกเปลี่ยน และยังเติบโตเทียบกับไตรมาส 1/55 ตามรายได้ค่าธรรมเนียมและรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิที่สูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม แนะนำ“เก็งกำไร"เนื่องจากความไม่ชัดเจนของแผนการบริหารเงินกองทุนที่อาจจำเป็นต้องเพิ่มทุนเพื่อขจัดข้อจำกัดในการเติบโตของธุรกิจ

“ในระยะยาวต้องมีแผนตรงนี้(แผนการบริหารเงินกองทุน)ชัดเจน เพื่อการเติบโต นักลงทุนจะได้ตัดสินใจถูกว่าจะทำอย่างไรกับการเติบโตของธุรกิจ เพราะธุรกิจมันเติบโตไม่ได้ถ้ามีข้อจำกัดเรื่องเงินกองทุน และ KTB ก็เริ่มจะมีข้อจำกัดเรื่องเงินกองทุน"นายธนเดช กล่าว

ขณะที่นางสาวสุนันทา วสะภิญโญกุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า KTB มีการเติบโตของสินเชื่อในระดับสูง โดยปัจจุบันสินเชื่อเติบโตไปมากกว่า 5% เมื่อเทียบกับปลายปี 54 พร้อมทั้งคาดว่ากำไรในไตรมาส 2/55 จะอยู่ที่ 6,200 ล้านบาท และกำไรสุทธิปี 55 โตขึ้น 25% เมื่อเทียบกับปี 54

ทางด้านขยายธุรกิจธนาคารพาณิชย์ของ KTB ด้วยการเริ่มตั้งสำนักงานตัวแทนในพม่านั้น คาดว่าในช่วงแรกจะยังไม่มีผลอย่างมีนัยสำคัญต่อผลประกอบการ

บทวิเคราะห์ บล.เอเชีย พลัส ระบุว่า หลังภาพรวมธุรกิจของ KTB ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 55 ยังเติบโตและทำได้ดีเกินเป้าที่ธนาคารตั้งไว้ โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 1.31 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 56% ของประมาณการกำไรทั้งปี ขณะที่สินเชื่อในช่วงครึ่งปีแรกคาดว่าจะเติบโต 4.6% จาก ณ สิ้นปี 54 และเติบโต 12.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเมื่อเทียบกับเป้าหมายของธนาคารที่คาดสินเชื่อรวมปี 55 จะเติบโต 5-7% จึงมีความเป็นไปได้สูงมากที่สินเชื่อจะโตเกินเป้าหมาย

ฝ่ายวิจัยคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/55 จะอยู่ที่ 6.74 พันล้านบาท โต 5.8% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/55 และโต 28.7% จากไตรมาส 2/54 โดยเป็นการเติบโตจากทุกกลุ่มทั้งรายใหญ่ SME และรายย่อย

อย่างไรก็ตาม แม้แนวโน้ม NIM ในไตรมาส 2/55 จะหดตัวลง 0.12% มาที่ระดับ 2.68% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการบันทึกเงินนำส่งส่วนเพิ่มให้กับสถาบันคุ้มครองเงินฝากย้อนหลังสำหรับงวดไตรมาส 1/55 ที่ธนาคารยังไม่ได้บันทึกเข้ามา แต่ก็จะถูกชดเชยค่าใช้จ่ายการดำเนินงานที่จะลดลง 4% จากไตรมาส 1/55 ขณะที่ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ฯคาดว่ายังคงใกล้เคียงงวดก่อน

ด้านบทวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย)คาดว่า กำไรไตรมาส 2/55 ของ KTB ทำสถิติสูงสุดใหม่ ที่ระดับ 6.78 พันล้านบาท โต 6% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/55 และโต 29% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/54 โดยคาดสินเชื่อไตรมาส 2/55 โต 1.0% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/55 แม้การเติบโตของสินเชื่อใหม่จะขยายตัวดี แต่ก็ได้รับผลกระทบจากการชำระคืนหนี้จากภาครัฐบางส่วน

ขณะที่ NIM ไตรมาส 2/55 คาดหดตัวลงเล็กน้อย 5bps เป็น 2.80% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/55 จากผลกระทบของการขึ้นค่าธรรมเนียมเงินฝากและตั๋ว B/E อย่างไรก็ตาม คาดรายได้ค่าธรรมเนียมเติบโตดี ขณะที่ Cost-to-income ratio ปรับลดลงจากไตรมาส 1/55 ที่ 47% เป็น 46% ในไตรมาส 2/55 ค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองอยู่ระดับปกติ 1.5 พันล้านบาท ขณะที่ด้าน NPLs ยังไม่มีประเด็นที่น่ากังวล

ทั้งนี้ คาดกำไรสุทธิทั้งปี 55 ที่ระดับ 2.25 หมื่นล้านบาท โต 32% เมื่อเทียบกับทั้งปี 54 และจะขยายตัวต่อเนื่องอีก 28% ในปีหน้า ได้รับแรงผลักดันจากการขยายตัวของสินเชื่อที่ระดับ 11.5% และรายได้ค่าธรรมเนียม 15.8%

ส่วนเรื่องการเพิ่มทุน ผู้บริหารยังคงยืนยันว่า ณ ระดับ Tier-1 ปัจจุบัน ยังคงเพียงพอสำหรับการขยายตัวของธุรกิจ โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน แต่ผู้บริหารก็ไม่ได้ปฎิเสธอย่างเต็มตัว โดยกล่าวว่าการเพิ่มทุนอาจเป็นทางเลือกในอนาคต ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมหลายประการและจำเป็นต้องหารือกับกระทรวงการคลังและ FIDF

อย่างไรก็ตาม ยังคงมุมมองเชิงบวกสำหรับการเติบโตในระดับสูงของผลการดำเนินงาน ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันค่อนข้าง laggard และมี Valuation ถูกที่สุดในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ขณะที่การเติบโตของผลการดำเนินงานอยู่ในระดับใกล้เคียง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ