ก.ล.ต. คาดกองทุนโครงสร้างพื้นฐานกองแรกคลอดใน Q3 ระดมทุนโรงไฟฟ้า-โซลาร์

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 18, 2012 14:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คาดกองทุนโครงสร้างพื้นฐานกองแรกของไทยน่าจะสามารถเสนอขายหน่วยลงทุนได้ภายในไตรมาส 3/55 โดยมีธุรกิจโรงไฟฟ้า และโซลาร์ฟาร์มเตรียมยื่นขอจัดตั้งกองทุนในเร็วๆนี้

ดังนั้น ในวันนี้ ก.ล.ต.จึงเตรียมเรียกหน่วยงานที่อาจเกี่ยวข้องเข้ามารับฟังข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อหวังเป็นช่องทางระดมทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศแทนการใช้งบประมาณภาครัฐเพียงอย่างเดียว เพื่อให้การพัฒนาทันรองรับกับการเกิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)

"มีพวกโรงไฟฟ้า พลังงานทางเลือกแสงอาทิตย์ที่สนใจที่จะยื่นไฟลิ่งเข้ามา ...วันนี้เราจะนั่งคุยกันเพื่อผลักดันให้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับระบบทาง"นายวรพล กล่าว

วันนี้ ก.ล.ต.ได้เชิญหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินต่างๆ เป็นต้น เพื่อสร้างความเข้าใจการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน

นายวรพล กล่าวว่า กองทุนโครงสร้างพื้นฐานสามารถลงทุนได้ในสินทรัพย์ 8 ประแภท ได้แก่ ระบบถนน, ระบบราง, โรงไฟฟ้า, ระบบน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคและอุตสาหกรรม, สนามบิน, ท่าเรือน้ำลึก, โทรคมนาคม และพลังงานทางเลือก ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลาง(Hub)ในภูมิภาคที่จะเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะพม่า ที่กำลังจะมีโครงการท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหรกรรมทวาย รวมถึงเชื่อมต่อกับจีนและอินเดีย

นอกจากนี้ ก.ล.ต.ยังส่งเสริมการระดมทุนผ่านบริษัทโฮลดิ้งคัมปานีที่ได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์ไปแล้ว เพื่อรองรับกับการที่เอกชนไทยต้องการระดมทุนเพื่อออกไปลงทุนต่างประเทศ โดยสามารถจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งคัมปานีเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของไทยได้ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสการลงทุนชของภาคเอกชนเพื่อรองรับการเกิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)

รวมทั้งยังสนับสนุนการระดมเงินผ่าน Real Estate Investment Trust (REIT) หรือ ทรัสต์ที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะมีการออกหลักเกณฑ์ในเร็วๆ นี้ และเชื่อว่าจะมีการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น นอกจากที่อยู่อาศัยแล้วก็จะมีโรงแรมและอพาร์ทเม้นท์ด้วย

และส่งเสริมให้บริษัทขนาดกลางและเล็ก โดยเฉพาะบริษัทในต่างจังหวัดให้เตรียมพร้อมเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้บริษัทได้ขยายงานรองรับ AEC ด้วย

นายวรพล ยังกล่าวว่า ในส.ค.นี้ ระบบซื้อขายเชื่อมโยงอาเซียน หรือ ASEAN Linkage จะเริ่มเทรดในระบบเดียวกัน เบื้องต้นเริ่มใน 3 ประเทศ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ อย่างไรก็ดี ไทยยังต้องมีการปรับปรุงโครงสร้างภาษีเกี่ยวกับตลาดทุน ได้แก่ การเก็บภาษีเงินปันผล กำไรจาก Capital gain สำหรับนิติบุคคล ซึ่งได้เสนอต่อกระทรวงการคลังไปเมื่อปลายปีที่แล้ว หากไทยยังมีการเก็บภาษีอยู่อาจจะทำให้ไทยเสียเปรียบการแข่งขันได้เพราะประเทศอื่นไม่มีการเก็บภาษี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ