บลจ.ซีไอเอ็มบีฯ เผย H1/55 มี AUM โต 35% ศึกษาเสนอขายในอาเซียน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 23, 2012 16:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเจิดพันธุ์ นิธยายน ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดและการขาย บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล เปิดเผยว่า ช่วงครึ่งปีแรกของปี 55 บริษัทมีสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหารจัดการ (AUM)เพิ่มขึ้นกว่า 3,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 35 โดยมีอัตราการเติบโตเป็นอันดับ 4 ของอุตสาหกรรมกองทุนรวม ตั้งแต่ต้นปีบริษัทเสนอขายกองทุนใหม่จำนวน 10 กองทุน โดยแบ่งออกเป็น กองทุนตราสารหนี้ กองทุนทาร์เก็ตฟันด์ และกองทุนอินคัมฟันด์(iFund Series)

ปัจจุบันบริษัทมีกองทุน iFund Series แล้วจำนวน 3 กองทุนคือ 1. กองทุน CIMB-PRINCIPAL iPROP ลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ 2. กองทุน CIMB-PRINCIPAL iDAILY ลงทุนในตราสารหนี้ตลาดเงิน และ 3. กองทุน CIMB-PRINCIPAL iDIV ลงทุนในหุ้นปันผล โดยบริษัทยังมีแผนออกกองทุน iFund Series ที่ลงทุนในทรัพย์สินอื่นเพิ่มเติม เช่น ตราสารหนี้ระยะยาว หรือ ทองคำ เป็นต้น

“จุดเด่นของบริษัท คือได้รับการสนับสนุนด้านการวิเคราะห์หลักทรัพย์จากต่างประเทศจากบริษัทแม่ และเครือข่ายพันธมิตรในภูมิภาค อาทิ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มีทีมวิเคราะห์หลักทรัพย์กว่า 20 คน และทีมผู้จัดการกองทุนกว่า 50 คนทั่วทั้งภูมิภาคแสดงถึงความพร้อมในการเป็นประตูสู่การลงทุนในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)" นายเจิดพันธุ์ กล่าว

ด้านนายเจษฎา สุขทิศ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล กล่าวถึงมุมมองการลงทุนในประเทศ และภูมิภาคอาเซียน ว่ากลุ่มซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล มีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นของภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะประเทศไทย และฟิลิปปินส์ หากดูผลประกอบการในรอบ 5 — 6 ปีที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าผลประกอบการของบริษัทในอาเซียนมีความน่าสนใจจากการเติบโตของกำไรที่สูง และมีความสม่ำเสมอดีพอสมควร รวมไปถึงอัตราเงินปันผลที่น่าสนใจในส่วนของทิศทางอัตราดอกเบี้ยในภูมิภาคเอเซียน

"ธนาคารกลางในภูมิภาคจะเน้นการควบคุมเงินเฟ้อพื้นฐานมากขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของราคาผลิตผลการเกษตรทั่วโลกในปัจจุบัน การปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่เห็นในช่วงครึ่งปีแรกน่าจะไม่ได้ทำต่อเนื่องมากในครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางในภูมิภาคน่าจะยังคงทรงตัว และไม่ได้เข้าสู่ภาวะขาขึ้นจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ยังเติบโตค่อนข้างช้า" นายเจษฎา กล่าว

การเตรียมความพร้อมในการเป็นประตูสู่การลงทุนในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) บริษัทมองว่า เป้าหมายทางยุทธศาสตร์ของประเทศในการเข้าสู่ยุคประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนใน 3 ปีข้างหน้าจะมีหลาย ๆ พัฒนาการที่น่าสนใจ เช่น การอำนวยความสะดวกในการทำการค้ากันภายในภูมิภาค การปรับปรุงโครงสร้างภาษีให้เอื้อต่อการค้า รวมไปถึงการเชื่อมโยงตลาดทุนของไทยกับตลาดทุนในอาเซียน สำหรับสาขาหลักทรัพย์ซึ่งเป็นสาขาที่ไทยได้ระบุไว้ใน AEC Blueprint ว่าจะเปิดเสรีภายในปี 2558 โดยให้บริษัทต่างชาติในภูมิภาคอาเซียนเข้ามาถือหุ้นได้ถึงร้อยละ 100 ในบริษัทเดิมที่มีอยู่แล้ว จะทำให้การแข่งขันในตลาดสูงขึ้น และมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ผู้เล่นหน้าใหม่ๆ เข้ามาในตลาดมากขึ้นซึ่งเป็นผลดีต่อนักลงทุน

สำหรับบลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล จัดว่าเป็นหนึ่งในกองทุนที่มีความพร้อมที่สุดต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว จากการที่มีสาขาอยู่แล้วเกือบทุกประเทศในภูมิภาคอาเซียน และมีทีมผู้จัดการกองทุนดูแลการลงทุนอยู่ทั่วภูมิภาค

ทั้งนี้ที่ผ่านมาบริษัทมีการจัดตั้งกองทุนเพื่อไปลงทุนในกองทุนที่บริหารโดยผู้จัดการกองทุนในกลุ่มซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล ในสิงค์โปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซียไปแล้วหลายกองทุน และปีหน้าก็กำลังศึกษาแผนกลยุทธ์ในการที่จะนำกองทุนที่เสนอขายในประเทศ ไปขายในภูมิภาคเช่นกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ