(เพิ่มเติม) AIT รับรายได้ปีนี้ 4.5-4.8 พันลบ.พลาดเป้า,เจรจา M&A ขยายธุรกิจบริการ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 28, 2012 12:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ. แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี(AIT) ยอมรับว่ารายได้ในปี 55 คงจะทำได้ราว 4.5-4.8 พันล้านบาท ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 5.3 พันล้านบาท เนื่องจากโครงการภาครัฐล่าช้ากว่าคาดหลังเปลี่ยนรัฐบาลกระทบรายได้ แต่ในปีหน้าเชื่อว่าจะดีกว่าปีนี้หลังจากรัฐบาลมีเสถียรภาพมากขึ้นก็น่าจะทำให้มีการเดินหน้าโครงการต่างๆ ได้ดีขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังเดินหน้าขยายงานอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาและเจรจาการเข้าซื้อกิจการหรือควบรวมกิจการเพื่อขยายธุรกิจบริการ พร้อมทั้งเตรียมจัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อให้บริการด้านไอทีในประเทศพม่าภายในปีนี้ หลังจากบริษัทได้เข้าไปตั้งสำนักงานในประเทศกัมพูชาไปแล้ว

นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ AIT กล่าวยอมรับว่า ในปีนี้บริษัทคงมีรายได้ไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 5.3 พันล้านบาท แต่มีโอกาสอยู่ระดับใกล้เคียงหรือต่ำกว่าปีก่อนเล็กน้อย มาอยู่ที่ 4.5-4.8 พันล้านบาท เป็นผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมเมื่อปลายปีก่อน รวมถีงการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลใหม่ ทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้า รวมถึงหน่วยงานต่างๆภาครัฐที่มีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการ ทำให้โครงการต่างๆต้องชะลอออกไป

"ปีนี้ไม่ถึง 5,300 ล้านบาท เพราะผลจากน้ำท่วมปีที่แล้ว และการเปลี่ยนรัฐบาล ทำให้งบประมาณภาครัฐกว่าจะลงตัว กว่าจะเบิกใช้ได้ก็ ก.พ. และหน่วยงานภาครัฐมีการเปลี่ยนใหม่ ตั้งบอร์ดใหม่ ทำให้งานต่างๆ ต้อง delay จากเดิมที่คาดว่าจะเร่งออกได้ในไตรมาส 2 แต่ตอนนี้ถือว่าออกมาน้อยมาก" นายศิริพงษ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลัง โครงการภาครัฐน่าจะเร่งออกมามากขึ้น ซึ่งจะเป็นโอกาสได้งานมากขึ้น จากปัจจุบันบริษัทมี backlog ราว 2.9 พันล้านบาท รับรู้รายได้ปีนี้ 1.8-1.9 พันล้านบาท และมีงานที่ได้แล้วรอเพียงออเดอร์ 252 ล้านบาท ขณะที่มีโครงการอยู่ระหว่างรอประมูล 988 ล้านบาท และโครงการใหม่ที่บริษัทพร้อมเข้าประมูลเป็นมูลค่ารวมกว่า 9.2 พันล้านบาท คาดว่าสิ้นปีนี้บริษัทน่าจะมี backlog 1-2 พันล้านบาท

สำหรับอัตรากำไรขั้นต้น ปีนี้คาดว่าอยู่ในกรอบที่ตั้งไว้ที่ 22% ขณะที่อัตรากำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าอยู่ระดับใกล้เคียงครึ่งปีแรกที่ 9.3% "ถ้าปีนี้ได้ backlog ไม่ต่ำกว่า 2-2.5 พันล้านบาท แนวโน้มรายได้ปีหน้าน่าจะดีกว่าปีนี้ เพราะมองว่ารัฐบาลเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็ทำงานได้ตามปกติ และรัฐบาลเองก็มีโครงการด้าน ไอซีที ก็น่าจะเป็นผลดีต่อบริษัท" นายศิริพงษ์ กล่าว

นายศิริพงษ์ กล่าวว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาและวิเคราะห์ เพื่อขยายธุรกิจอื่นๆ นอกเหนือจากธุรกิจที่พึ่งพาการเข้าประมูลงาน โดยจะเป็นธุรกิจด้านบริการ อาจเป็นการควบรวมกิจการหรือเทคโอเวอร์กิจการในประเทศ คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีความชัดเจน ส่วนการขยายธุรกิจต่างประเทศ ภายในสิ้นปีนี้จะมีการจัดตั้งบริษัทในประเทศพม่า เพื่อขยายธุรกิจด้านไอที โดยมองเห็นโอกาสการขยายธุรกิจค่อนข้างมาก จากก่อนหน้านี้ได้จัดตั้งบริษัทในกัมพูชาและเริ่มมีออเดอร์เข้ามาบ้างแล้ว แต่ยังไม่มาก คาดว่าในปีหน้าน่าจะเห็นสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศที่ชัดเจนมากขึ้น

ส่วนการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) มองว่าน่าจะเป็นผลดีต่อบริษัทมากกว่า เพราะตลาดเปิดกว้างต่อการขยายธุรกิจมากขึ้น และไม่ได้มีความกังวลหากต่างชาติจะเข้ามาทำธุรกิจแข่งขัน เพราะเชื่อมั่นในศักยภาพของบริษัท ที่การรับงานส่วนใหญ่มาจากโครงการภาครัฐ การที่คู่แข่งจากต่างประเทศจะเข้ามาแข่งขันคงทำได้ยาก แต่กังวลในลักษณะที่ต่างชาติจะเข้ามาเทคโอเวอร์กิจการในประเทศมากกว่า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ